1. โรคไข้เลือดออกที่ระบาดในประเทศไทยเกิดจากเชื้ออะไร
ตอบ โรคไข้เลือดออกที่ระบาดในประเทศไทยมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสเดงกี่พบทั้ง
4 สายพันธุ์ คือ DEN-1, DEN-2, DEN-3, DEN-4
2. ในประเทศไทยพบไข้เลือดออกในคนกลุ่มอายุเท่าใดบ่อยที่สุด
ตอบ โรคไข้เลือดออกพบได้ทุกกลุ่มอายุ
ในประเทศไทยพบว่าร้อยละ80 ของผู้ติดเชื้อที่มีอาการ อยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 5-34 ปี
3. ไข้เลือดออกรุนแรงเป็นอย่างไร
ตอบ ไข้เลือดออกรุนแรง (severe dengue) มีอาการดังต่อไปนี้
- อาเจียนไม่หยุด
- ปวดท้องรุนแรง
(จากการที่มีน้ำคั่งผิดปกติ)
- หายใจเร็วจากการมีน้ำคั่งในเยื่อหุ้มปอด
- ความดันโลหิตต่ำ
กระสับกระส่าย หรือซึมมาก
- เลือดออกในอวัยวะต่างๆ
รุนแรง เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด
- การทำงานอวัยวะภายในร่างกายบกพร่อง
เช่น ตับ ไต
- มีความผิดปกติในสมอง
- ช๊อก
และอาจเสียชีวิตได้
4. ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกใช้แล้วหรือยัง?
ตอบ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองให้ใช้
เป็นวัคซีน CYD-TDV หรือ DENGVAXIA ยังมีวัคซีนอีกหลายขนิด
ที่อยู่ระหว่างการทดลองศึกษาวิจัย
5. CYD-TDV หรือ Denvaxia คืออะไร?
ตอบ CYD-TDV หรือ DENGVAXIA เป็นวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดแรกที่ได้รับการรับรอง
โดยได้การรับรองครั้งแรกที่ประเทศเมกซิโกในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ให้ใช้ในกลุ่มคนที่มีอายุ 9-45 ปีในเขคที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก
เป็นวัคซีนขนิดมีชีวิตที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์
มีเชื้อไวรัสเดงกี่ที่เป็นสาเหตุของโรคทั้ง 4 สายพันธุ์ กำหนดให้ฉีด 3 ครั้ง 0-6-12 เดือน ปัจจุบันได้รับการรับรองให้ใช้ใน 13 ประเทศรวมทั้งประเทศไทย
6. ใครควรได้รับการฉีดวัคซีน
ตอบ ทุกคนที่อายุ 9-45 ปี และอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก
และเป็นผู้ที่ไม่มีข้อห้ามใช้
ข้อห้ามใช้ที่กำหนดโดยบริษัทผู้ผลิตวัคซีนมีดังนี้
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้รุนแรงในส่วนประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งในวัคซีน
หรือมีการแพ้ในวัคซีนนี้ที่ได้รับครั้งแรก
หรือแพ้วัคซีนชนิดอื่นที่มีส่วนประกอบเหมือนกัน
- มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด
หรือเกิดภายหลัง เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อ HIV
(เอดส์) หรือได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น
ยาสเตียรอยด์ในขนาดสูง หรือ เคมีบำบัด)
- สตรีที่กำลังตั้งครรภ์
หรือ อยู่ระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่
มีไข้ระดับกลางจนถึงไข้สูง หรือกำลังเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน
ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหายดีแล้ว
7. หากไม่ได้อยู่ในกลุ่มอายุ 9 – 45 ปี สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
ตอบ ยังไม่สมควรได้รับวัคซีนนี้
เนื่องจากข้อมูลทางคลินิกที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ
8. ประสิทธิภาพของวัคซีน
ตอบ วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่อเชื้อไวรัสทั้ง4
สายพันธุ์
- สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้
65.6 %
- ลดความรุนแรงของโรค
93.2 %
- ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล
80.8 %
9. ข้อแนะนำในหญิงตั้งครรภ์
ตอบ เนื่องจากวัคซีนนี้เป็นชนิดตัวเป็น
(live-attenuated vaccine) เหมือนวัคซีนทั่วไป จึงห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และขอแนะนำว่า
สตรีที่ได้รับวัคซีนควรเว้นระยะก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน
10. หากผู้ป่วยเคยได้รับเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อน ไม่ว่าจะมีแค่อาการไข้อ่อนๆหรือป่วยหนัก ผู้ป่วยสามารถฉีดวัคซีนได้อีกหรือไม่
ตอบ วัคซีนสามารถใช้เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีจากทั้งสายพันธุ์
1, 2, 3, และ 4 ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 9 -45 ปี ที่อยู่ในพื้นที่แพร่ระบาด
ไม่ว่าจะเคยติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อนหรือไม่ก็ตาม
ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ฉีดให้กับผู้ที่เคยได้รับเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อนจะสูงกว่าและสามารถช่วยป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีสายพันธุ์อื่นๆได้ด้วย
11.มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต
โรคหัวใจ โรคเบาหวาน สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
ตอบ ฉีดได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
12.วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
สามารถป้องกันเชื้อไข้เลือดออกได้กี่สายพันธุ์
ตอบ DENGVAXIA เป็นวัคซีนที่ใช้สำหรับป้องกันโรคไข้เลือดออกเด็งกี่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี่ซีโรไทป์
1, 2, 3 และ 4 สามารถใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 - 45 ปี ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
13.การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกฉีดอย่างไร
ตอบ ฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง (subcutaneous
injection) ฉีดวัคซีน
3 ครั้ง
ครั้งละ 0.5 มล. โดยฉีดห่างกันครั้งละ 6 เดือน เริ่มวันที่ฉีดครั้งแรกเป็นเข็มแรก เข็มที่สองจะฉีดหลังเข็มแรก
6 เดือน และเข็มที่สามจะฉีดหลังเข็มที่สอง 6 เดือน
14. ความปลอดภัยของวัคซีน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ตอบ อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบได้หลังการฉีดวัคซีนคล้ายวัคซีนชนิดอื่น
เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว มีไข้ต่ำๆ ผิวหนังแดง ห้อเลือด บวม และ คัน
โดยอาการที่พบทั้งหมดจะเป็นชนิดไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน 3 วันหลังจากฉีดวัคซีน
15. ภูมิคุ้มกันจะขึ้นเมื่อใด
ตอบ ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นเต็มที่เมื่อฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม
16. ฉีดแล้วจะสามารถป้องกันไข้เลือดออกได้ตลอดชีวิตหรือไม่
ตอบ จนถึงขณะนี้หลังฉีดครบ 3
เข็ม ตามหลักวิชาภูมิคุ้มกันน่าจะยังคงอยู่ได้นาน
ต้องมีการติดตามกันต่อไปว่าจะสามารถคุ้มกันได้ตลอดชีวิตหรือไม่
17. การฉีดวิคซีนในเด็กกับผู้ใหญ่ แตกต่างกันหรือไม่
ตอบ ไม่แตกต่างกัน ในเกณฑ์อายุระหว่าง 9 – 45 ปี
18. การฉีดเข็มที่ 2หรือ 3 หากไม่ได้ฉีดตรงตามวันที่กำหนด สามารถฉีดได้หรือไม่ หรือต้องเริ่มนับเป็นเข็มที่ 1 ใหม่
ตอบ ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ สามารถบวกลบได้ 20วัน
19. สามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนตัวอื่นในวันเดียวกันได้หรือไม่
ตอบ ยังไม่มีการศึกษา เพื่อความปลอดภัยควรมีระยะห่างจากวัคซีนชนิดอื่น
ประมาณ 4 สัปดาห์
20. ก่อนและหลังได้รับวัคซีน ควรปฏิบัติตัวอย่างไร
ตอบ ก่อนได้รับวัคซีนต้องไม่มีไข้
และหลังการฉีดวัคซีนเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองด้วยเชื้อโรคที่อ่อนแรง
หรือ บางส่วนของเชื้อโรคมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้
เพราะฉะนั้นเมื่อรับวัคซีนแล้วอาจมีอาการข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อวัคซีนซึ่งโดยทั่วไปจะมีอาการไม่มาก
และจะหายไปเอง
ประธานคณะกรรมการป้องกัน
และควบคุมการติดเชื้อ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น