วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก



1. โรคไข้เลือดออกที่ระบาดในประเทศไทยเกิดจากเชื้ออะไร

ตอบ โรคไข้เลือดออกที่ระบาดในประเทศไทยมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสเดงกี่พบทั้ง 4 สายพันธุ์ คือ DEN-1, DEN-2, DEN-3, DEN-4

2. ในประเทศไทยพบไข้เลือดออกในคนกลุ่มอายุเท่าใดบ่อยที่สุด   

ตอบ  โรคไข้เลือดออกพบได้ทุกกลุ่มอายุ ในประเทศไทยพบว่าร้อยละ80 ของผู้ติดเชื้อที่มีอาการ อยู่ในกลุ่มอายุระหว่าง 5-34 ปี   

3. ไข้เลือดออกรุนแรงเป็นอย่างไร

ตอบ ไข้เลือดออกรุนแรง (severe dengue) มีอาการดังต่อไปนี้  
  • อาเจียนไม่หยุด
  • ปวดท้องรุนแรง (จากการที่มีน้ำคั่งผิดปกติ)
  • หายใจเร็วจากการมีน้ำคั่งในเยื่อหุ้มปอด
  • ความดันโลหิตต่ำ กระสับกระส่าย หรือซึมมาก
  • เลือดออกในอวัยวะต่างๆ รุนแรง เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด
  • การทำงานอวัยวะภายในร่างกายบกพร่อง เช่น ตับ ไต
  • มีความผิดปกติในสมอง 
  • ช๊อก และอาจเสียชีวิตได้ 

4. ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกใช้แล้วหรือยัง?

ตอบ  ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองให้ใช้ เป็นวัคซีน CYD-TDV หรือ DENGVAXIA ยังมีวัคซีนอีกหลายขนิด ที่อยู่ระหว่างการทดลองศึกษาวิจัย

5. CYD-TDV หรือ Denvaxia คืออะไร?

ตอบ CYD-TDV หรือ DENGVAXIA เป็นวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดแรกที่ได้รับการรับรอง โดยได้การรับรองครั้งแรกที่ประเทศเมกซิโกในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ให้ใช้ในกลุ่มคนที่มีอายุ 9-45 ปีในเขคที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก เป็นวัคซีนขนิดมีชีวิตที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ มีเชื้อไวรัสเดงกี่ที่เป็นสาเหตุของโรคทั้ง 4 สายพันธุ์ กำหนดให้ฉีด 3 ครั้ง 0-6-12 เดือน ปัจจุบันได้รับการรับรองให้ใช้ใน 13 ประเทศรวมทั้งประเทศไทย

6. ใครควรได้รับการฉีดวัคซีน 

ตอบ ทุกคนที่อายุ 9-45 ปี และอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก และเป็นผู้ที่ไม่มีข้อห้ามใช้
 ข้อห้ามใช้ที่กำหนดโดยบริษัทผู้ผลิตวัคซีนมีดังนี้
  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้รุนแรงในส่วนประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งในวัคซีน หรือมีการแพ้ในวัคซีนนี้ที่ได้รับครั้งแรก หรือแพ้วัคซีนชนิดอื่นที่มีส่วนประกอบเหมือนกัน
  • มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด หรือเกิดภายหลัง  เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อ HIV (เอดส์) หรือได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น ยาสเตียรอยด์ในขนาดสูง หรือ เคมีบำบัด) 
  • สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือ อยู่ระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่ มีไข้ระดับกลางจนถึงไข้สูง หรือกำลังเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหายดีแล้ว

7. หากไม่ได้อยู่ในกลุ่มอายุ 9 – 45 ปี สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่  

ตอบ  ยังไม่สมควรได้รับวัคซีนนี้ เนื่องจากข้อมูลทางคลินิกที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ


8. ประสิทธิภาพของวัคซีน 

ตอบ วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่อเชื้อไวรัสทั้ง4 สายพันธุ์
  • สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ 65.6 %
  • ลดความรุนแรงของโรค 93.2 %
  • ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล 80.8 %

9. ข้อแนะนำในหญิงตั้งครรภ์

ตอบ  เนื่องจากวัคซีนนี้เป็นชนิดตัวเป็น (live-attenuated vaccine) เหมือนวัคซีนทั่วไป จึงห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และขอแนะนำว่า สตรีที่ได้รับวัคซีนควรเว้นระยะก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน

10. หากผู้ป่วยเคยได้รับเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อน ไม่ว่าจะมีแค่อาการไข้อ่อนๆหรือป่วยหนัก ผู้ป่วยสามารถฉีดวัคซีนได้อีกหรือไม่

ตอบ วัคซีนสามารถใช้เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีจากทั้งสายพันธุ์ 1, 2, 3, และ ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 9 -45 ปี ที่อยู่ในพื้นที่แพร่ระบาด ไม่ว่าจะเคยติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อนหรือไม่ก็ตาม ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ฉีดให้กับผู้ที่เคยได้รับเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมาก่อนจะสูงกว่าและสามารถช่วยป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีสายพันธุ์อื่นๆได้ด้วย

11.มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
ตอบ ฉีดได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์


12.วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก สามารถป้องกันเชื้อไข้เลือดออกได้กี่สายพันธุ์  
ตอบ DENGVAXIA เป็นวัคซีนที่ใช้สำหรับป้องกันโรคไข้เลือดออกเด็งกี่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี่ซีโรไทป์ 1, 2, 3 และ สามารถใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 - 45 ปี ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค 


13.การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกฉีดอย่างไร 
ตอบ ฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง (subcutaneous injection) ฉีดวัคซีน 3 ครั้ง ครั้งละ 0.5 มล. โดยฉีดห่างกันครั้งละ 6 เดือน เริ่มวันที่ฉีดครั้งแรกเป็นเข็มแรก  เข็มที่สองจะฉีดหลังเข็มแรก 6 เดือน และเข็มที่สามจะฉีดหลังเข็มที่สอง 6 เดือน 


14. ความปลอดภัยของวัคซีน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น  
ตอบ อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบได้หลังการฉีดวัคซีนคล้ายวัคซีนชนิดอื่น เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด  ปวดกล้ามเนื้อ  ปวดหัว มีไข้ต่ำๆ ผิวหนังแดง ห้อเลือด บวม และ คัน โดยอาการที่พบทั้งหมดจะเป็นชนิดไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน 3 วันหลังจากฉีดวัคซีน


15. ภูมิคุ้มกันจะขึ้นเมื่อใด
ตอบ  ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นเต็มที่เมื่อฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม


16. ฉีดแล้วจะสามารถป้องกันไข้เลือดออกได้ตลอดชีวิตหรือไม่
ตอบ จนถึงขณะนี้หลังฉีดครบ 3 เข็ม ตามหลักวิชาภูมิคุ้มกันน่าจะยังคงอยู่ได้นาน   ต้องมีการติดตามกันต่อไปว่าจะสามารถคุ้มกันได้ตลอดชีวิตหรือไม่


17. การฉีดวิคซีนในเด็กกับผู้ใหญ่ แตกต่างกันหรือไม่ 
ตอบ ไม่แตกต่างกัน ในเกณฑ์อายุระหว่าง 9 – 45 ปี


18.   การฉีดเข็มที่ 2หรือ  หากไม่ได้ฉีดตรงตามวันที่กำหนด สามารถฉีดได้หรือไม่   หรือต้องเริ่มนับเป็นเข็มที่ 1 ใหม่
ตอบ ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ สามารถบวกลบได้ 20วัน


19.   สามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนตัวอื่นในวันเดียวกันได้หรือไม่
ตอบ  ยังไม่มีการศึกษา เพื่อความปลอดภัยควรมีระยะห่างจากวัคซีนชนิดอื่น ประมาณ 4 สัปดาห์  
  
20. ก่อนและหลังได้รับวัคซีน ควรปฏิบัติตัวอย่างไร
ตอบ ก่อนได้รับวัคซีนต้องไม่มีไข้ และหลังการฉีดวัคซีนเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองด้วยเชื้อโรคที่อ่อนแรง หรือ บางส่วนของเชื้อโรคมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ เพราะฉะนั้นเมื่อรับวัคซีนแล้วอาจมีอาการข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อวัคซีนซึ่งโดยทั่วไปจะมีอาการไม่มาก และจะหายไปเอง
  
ประธานคณะกรรมการป้องกัน และควบคุมการติดเชื้อ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์  
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น