จากเรื่องราวอันโด่งดังในกระแสโซเชียลและสื่อต่างๆ
ของเด็กชายอายุ 15 ปี น้องแม็ก ด.ช. วันชัย ฤทธิเกษร อาศัยอยู่เพียงตาและยายในจังหวัดระนอง
ที่ต้องทนทุกข์เพราะอาการกระดูกสันหลังคดงอผิดรูปมาเป็นเวลานานหลายปี
หลังจากกองทุนสมิติเวชเพื่อชีวิตใหม่ (NEW LIFE) ได้มีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กที่มีอาการกระดูกสันหลังคด
ได้ทราบเรื่องราวผ่านรายการ ปันฝันปันยิ้ม จึงประสานงานรับน้องแม็กเข้าผ่าตัดรักษา
(โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) ณ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ด้วยความพร้อมของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดรักษาโรคกระดูกสันหลัง
และทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู นำโดย ศ.เกียรติคุณ นพ. เจริญ โชติกวณิชย์ และ นพ.ประวิทย์ สุขเจริญชัยกุล รวมถึงจิตใจอันเข้มแข็งของน้องแม็ก
ทำให้ผลการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี น้องแม็กได้กลับบ้านไปใช้ชีวิตเด็กวัยรุ่น
ได้กลับไปเรียนอีกครั้ง เพื่อเป็นความหวังให้กับคุณตา คุณยายต่อไป
โรคกระดูกสันหลังคดเป็นอย่างไร ร้ายแรงแค่ไหน
เรามีข้อมูลสุขภาพน่ารู้ให้ติดตามกัน
โรคกระดูกสันหลังคดเป็นได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดถึงวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่พบ
ได้บ่อย มีสาเหตุมากมาย ประมาณร้อยละ 80 เป็นชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ
จากการวิจัยพบว่าเด็กไทยมีกระดูกสันหลังคด ในอัตรา 1 ต่อ 10,000 คน
แต่ระยะหลังพบเด็กเป็นโรคนี้มากขึ้น พันธุกรรมก็อาจเป็นสาเหตุทำให้หลังคดได้
เนื่องจากพบว่าบางครอบครัวมี พี่น้องหลังคด หรือฝาแฝดหลังคด แต่บางครอบครัวมีลูกคนเดียว ก็อาจพบว่าเด็กเกิดมาหลังคดได้
โรคกระดูกสันหลังคด สามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้
- กระดูก สันหลังปกติตั้งแต่แรก
แต่มาคดในภายหลัง ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค
แต่อาจเกี่ยวกับสารฮอร์โมนบางอย่าง
ที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรงตัว ทำให้มีผลต่อการเกิดหลังคดได้ พบได้ประมาณร้อยละ 80 แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอายุ
– กลุ่มอายุ แรกเกิด – 1 ปี จะเริ่มยืนและเดิน แต่กลุ่มนี้ร้อยละ 90 จะหายได้เอง
– กลุ่มอายุ 3-10 มีจำนวนมากขึ้น ถ้าเป็นมากไม่รักษาจะมีปัญหาในระยะยาวได้
– กลุ่มอายุ 10-18 ปี กระดูกสันหลังคดในวัยรุ่นพบได้มากกว่ากลุ่มอายุอื่น ซึ่งหลังคดถ้าเป็นไม่มาก ก็ไม่จำเป็นต้องรักษา แพทย์แนะนำให้เฝ้าติดตามดูความเปลี่ยนแปลง เพราะกระดูกสันหลังอาจคดมากขึ้นเรื่อยๆ และมากจนผิดปกติได้ ทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายผิดปกติ แพทย์จะตรวจวัดองศาความคดของกระดูก ถ้าพบว่าคดระหว่าง 30-40 องศา ในอายุต่ำกว่า 15 ปี - กระดูกสันหลังคดตั้งแต่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาจจะเกิดจากยาที่แม่ รับประทานระหว่างตั้งครรภ์ กลุ่มนี้เกิดจากกระดูกผิดปกติ เช่น
การเจริญของกระดูกสันหลังไม่เท่ากันหรือไม่สมดุลกัน ถ้ากระดูกสันหลังคดแล้วจะคดมากขึ้นค่อนข้างเร็ว แพทย์จะทำการรักษาทันที เพราะถ้าเป็นมากๆ อาจเป็นอัมพาตได้
- มีความผิดปกติเกี่ยวกับกล้าม
เนื้อและระบบประสาทอยู่แล้ว เช่น มีความผิดปกติของสมอง สมองพิการ โรคโปลิโอ โรคของระบบกล้ามเนื้อ ฯลฯ
จะมีโอกาสทำให้กระดูกสันหลังคดเมื่อโตขึ้นได้
- โรคเท้าแสนปม ร่างกายจะมีปุ่ม
และหรือปานตามตัว และพบกระดูกสันหลังคดร่วมด้วยประมาณร้อยละ 30
สังเกตได้อย่างไร
ว่าเด็กอาจเป็นกระดูกสันหลังคด
ผู้ปกครองสามารถตรวจกระดูกสันหลังของเด็กคร่าวๆได้ด้วยตัวเอง โดยให้เด็กยืนตัวตรง
แล้วดูแนวสันหลังว่าตรงหรือไม่ จากนั้นให้เด็กก้มหลังลง มือแตะพื้น
ถ้ามองตามเส้นแนวกระดูกสันหลังแล้วไม่คด ก็แสดงว่าปกติ
แต่ถ้ามีแนวกระดูกสันหลังไม่ตรง ระดับหัวไหล่หรือบ่าทั้ง
2 ข้างไม่เท่ากัน สะบักหรือกระดูกที่เป็นคล้ายๆ
ปีกมีการนูนตัวมากกว่าอีกด้านหนึ่ง มีการเอียงของลำตัวไปด้านใดด้านหนึ่ง กระดูกสันหลังคด ตั้งแต่วัยรุ่น ถ้าไม่รักษาจะคดเพิ่มขึ้น
มีผลกระทบต่อสุขภาพได้มาก เช่น ตัวเอียง
ไหล่ตกแนวสะโพกเอียง รูปร่างพิการ ปวดหลัง
มีปัญหาทางระบบหายใจ หอบเหนื่อยง่าย เป็นโรคปอดบวม ปอดอักเสบ หัวใจทำงานหนัก อาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้
ควรพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยและติดตามผล
ว่าอาจมีอาการมากขึ้นในระยะยาวต่อไปหรือไม่ในอนาคต
ทางเลือกในการรักษา
- การรักษาด้วยการไม่ผ่าตัด
ใช้ในกรณีที่เด็กมีมุมองศาที่คดไม่มาก โดยใช้การสังเกตอาการ
รักษาทางกายภาพบำบัด หรืออาจใช้เสื้อเกราะในบางราย
- กายภาพ
โดยการสอนการจัดท่าขณะนอน การทรงท่า และการออกกำลังกายต่างๆ
ที่เหมาะสมเพื่อช่วยรักษาให้กระดูกสันหลังกลับเข้าสู่แนวเดิม
หรือให้ใกล้เคียงแนวปกติให้มากที่สุด การรักษาจะจำเพาะแตกต่าง
กันไปขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคน และการให้การรักษานี้ควรเป็นนักกายภาพบำบัดที่ได้รับการอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังคด
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด
- การรักษาด้วยการผ่าตัด
ใช้ในกรณีที่เด็กมีมุมองศาที่คดมาก
หรือมีการเพิ่มของมุมองศาที่คดมากขึ้นขณะติดตามการรักษา
ปริญญาบัตร/วุฒิบัตร
Diploma of American
Board of Orthopaedic Surgery, 1972.
สาขาออร์โธปิดิกส์ สาขาออร์โธปิดิกส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น