วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ชม ชิม แชะ ที่สุราษฎร์ธานี


เวลาพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในภาคใต้ ทุกคนจะคิดถึง ภูเก็ต สมุย กระบี่ สงขลา แต่น้อยคนนักที่จะคิดถึงสุราษฎร์ธานี ทั้งๆ ที่เป็น gateway สู่สถานที่ท่องเที่ยวงามๆ ที่ทุกคนชื่นชอบ น่าน้อยใจจริง
แต่ของเขาดี ยังไงก็ต้องให้คนได้รับรู้ เผอิญเดือนที่แล้วผมรู้สึกโก้ไม่เบาที่ได้รับเชิญจากท่านรองนายกเทศมนตรี เมืองสุราษฎร์ คุณเอกพจน์ ยอดพินิจ หรือท่านรองหนุ่มให้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว ของเมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ โน่นละครับ
คุณหนุ่มเป็นคนบอกผมเองว่าขอเชิญมา “ชม ชิม แชะ” กันหน่อย ผมก็ตกปากรับคำทันที รีบจองนกแอร์เจ้าประจำด่วน ช่วงนี้โปรโมชั่นด้วย แถมขึ้นที่ดอนเมือง สบายๆ เดินไม่ไกล ไม่ต้องวิ่งจนเข่าหลุดเครื่องออก 7 โมงครึ่ง ไปถึงก็ 8 โมงครึ่ง กำลังได้เวลาอาหารเช้าเลยครับ ทีมงานคุณหนุ่มมารอรับพวกเราอย่างดี แล้วพาไป “ชิม” ก่อนเลยครับ ผมก็กำลังหลับๆ ตื่นๆ บนเครื่อง มาถึงก็ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย แล้วเดินทางไปรับประทานอาหารเช้าเลยทันที ที่ร้านกาแฟโบราณ “ป้าศรี” อยู่ซอยเซ็นเตอร์พอยท์ ถ.สุรีย์โชค ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ชื่อซอยก็กินขาดแล้วครับ วัยรุ่นชัดๆ แต่คุณป้าเจ้าของร้านยังconservative อยู่ครับ
เราเริ่มกันที่ “ปาท่องโก๋ สังขยาอัญชัน”เรียกนํ้าย่อยก่อน สำหรับปาท่องโก๋ที่นี่ เนื้อเหนียวนุ่มใช้ได้ทีเดียว สังขยาก็เข้มข้น หวานมัน มีกลิ่นและสีของดอกอัญชันพอประมาณ รับประทานกับกาแฟโบราณหวานมัน ช่วยให้ตาสว่างได้ดีทีเดียว เสร็จแล้วผมตบด้วยข้าวต้มกระดูกหมู ข้าวเป็นข้าวกล้องหนุบหนับ
อยู่ในนํ้าซุปเข้มข้น รสชาด กำลังดี แค่นี้ผมก็ตาสว่าง เตรียมลุยได้เต็มที่แล้วล่ะครับ เสร็จสรรพทีมงานพาผมไปเช็คอินที่โรงแรมวังใต้ โรงแรมเก่าแก่ของสุราษฎร์ที่หลายท่านต้องรู้จักกันดี ผมเคยมาพักที่วังใต้2-3 ครั้งแล้ว จำได้ว่าขนมเปียกปูนและถั่วแปบ ของเขาอร่อยเหนียวนุ่มอร่อยได้ใจจริงๆ ครับ คิดว่าต้องลองพิสูจน์ดูสิว่ายังเหมือนเดิมไหม พอดีคุณหนุ่มมาต้อนรับที่โรงแรมและชวนทานอาหารว่างเล็กๆ ผมเลยได้พิสูจน์ด้วยตัวเองอีกครั้งว่า “ของเขาดีจริงๆ”
ระหว่างรับประทานของว่างกรุบกริบอยู่นั้น คุณหนุ่มก็อธิบายว่าจะพาเราไปไหนกันบ้าง ไอ้ผมมันก็นิสัยเสีย ภูมิศาสตร์ไม่แม่น ประวัติศาสตร์ก็หลงลืมตามอายุ คุณหนุ่มพูดอะไรมาได้แต่อือๆ แกเลยต้องเอาแผนที่มากางให้ดูเลยถึงบางอ้อไปตามๆ กันความจริงก็คือ จังหวัดสุราษฎร์ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดของภาคใต้ แต่เป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ ภูมิประเทศมีทั้งป่าดิบชื้นอันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณ ไปจนถึงแนวเทือกเขาสูงที่ลาดลงมาสู่ที่ราบตอนกลางเรื่อยไปจนถึงชายฝั่งไล่ลงไปในทะเลมีเกาะและหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เกาะสมุย เกาะพะงัน หมู่เกาะอ่างทอง เกาะเต่า เกาะนางยวน เยอะแยะไปหมดครับ แต่เวลาใครจะไปเที่ยวสถานที่ๆ สวยงามเหล่านั้น ก็จะพุ่งตรงไปที่เที่ยวเลย นอกจากมาถึงดึก นอนพักปุ๊บ ตื่นมาก็กระเด้งไปเที่ยวต่อเลยไม่เคยจะหยุดพักและ say hello กับแสงสีเสียงของตัวเมืองกันเท่าไหร่
คำว่า สุราษฎร์ธานี ซึ่งแปลว่าเมืองแห่งคนดี เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เลยทีเดียวล่ะครับ คนท้องถิ่นส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรปลูกปาล์มนํ้ามัน ยางพารา และมะพร้าว แต่ที่แน่ๆ เมืองคนดีนี่เป็นต้นกำเนิดของเงาะโรงเรียนที่รสชาติดีที่สุดของประเทศเลยทีเดียวเชียวล่ะครับ ผมก็ทะลึ่งไปก่อนเวลาเลยอดรับประทานเงาะโรงเรียนของแท้ไปซะฉิบเลย
ว่ากันว่า “เงาะโรงเรียน” พันธุ์แท้และดั้งเดิมนี่มาจากมาเลเซียนะครับ คุณเค หว่อง เป็นคนจีนเชื้อสายมาเลย์ นำเอาเมล็ดมาปลูกตอนที่แกมาทำเหมืองแร่ดีบุกเมื่อปี พ.ศ.2469 โน่นล่ะครับ แกปลูกไว้หลายต้นทีเดียว ผมสงสัยว่าแกคงไม่ได้รับประทานกี่มากน้อยแค่ไหน เพราะกว่าจะโตกว่าจะได้เวลาออกดอกออกผล คุณเคก็ย้ายกลับไปปีนังแล้วล่ะครับ เงาะนี่เท่าที่รู้ต้องมี 5-6 ปี เชียวล่ะครับกว่าจะมีลูกให้ได้ชิมถ้าปลูกจากเมล็ด คุณเคแกอยู่ประเทศไทยประมาณ 10 ปี คงทำแร่ดีบุกไม่ค่อยได้ผลพอย้ายกลับก็ขายที่ๆ บ้านที่มีต้นเงาะให้กับกระทรวงศึกษาธิการ ตอนนั้นยังเป็นกระทรวงธรรมการอยู่เลยครับ กระทรวงก็ปรับปรุงบ้านคุณเคให้เป็นโรงเรียน แล้วย้ายโรงเรียนนาสารจากวัดนาสารมาอยู่ที่นี่ซะเลย คงเพราะปลูกอยู่ในบริเวณโรงเรียนนั่นล่ะครับถึงได้ชื่อว่า “เงาะโรงเรียน” สงสัยจริงๆ ว่าชื่อเต็มอาจจะเป็น “เงาะโรงเรียนวัดนาสาร” ก็ได้นะครับ

พอเงาะโรงเรียนเริ่มแพร่หลายมีการเอาไปปลูกที่นั่นที่นี่ ก็กลายพันธุ์ไปเยอะครับ ไม่รู้เอาไปทาบกิ่งผสมพันธุ์กันอีท่าไหน ถ้าให้ชัวร์ๆ ต้องดูที่ลักษณะเด่นของเงาะโรงเรียนครับ คือ เมื่อสุกแล้วเปลือกมีสีแดงแต่ปลายขนยังคงมีสีเขียวอยู่ รูปร่างผลกลมรีเล็กน้อย เปลือกบาง เนื้อหนา รสหวานหอม กรอบและล่อน
อย่างนี่ล่ะครับเงาะโรงเรียนของแท้ ทุกปีจะมีการจัดงาน “วันเงาะโรงเรียน” ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคม เพื่อตอกยํ้าความเป็นต้นตำรับครับ ผมว่าจะไม่ประวัติศาสตร์มากแล้วนะครับ แต่อดไม่ได้ เพราะผมว่าคงมีหลายคนที่เคยรู้เรื่อง “เงาะโรงเรียน” บ้าง แต่อาจจะลืมๆ เลือนๆ กันไปเลยเอามาช่วยเตือนความจำพอหอมปากหอมคอขำๆ กันครับ
เอาล่ะครับไหนเราก็อยู่ในอารมณ์อร่อยแล้ว เราไปชิมกันต่อนะครับ คุณหนุ่มพาเรามาทานกลางวันกันที่ร้าน “เรือนไทย” บอกว่าซีฟู๊ดเขาสุดยอด ไอ้ผมก็นึกว่าคงได้บรรยากาศริมทะเลอะไรก็ว่าไป เปล่าเลยครับร้าน “เรือนไทย” อยู่ที่ถนนสายปากแม่นํ้าตาปี ไม่ติดนํ้า แต่เจ๋งมากครับ อาหารแต่ละจานเหนือคำบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเผาที่มีมันกุ้งสีส้มแดง เห็นแล้วตัวใครตัวมันห้ามแบ่ง ห้ามแย่ง เด็ดขาด!
ตามมาติดๆ คือ ปลาเผาพร้อมนํ้าจิ้มพื้นเมืองรสเลิศ หอยแคลงตัวเบิ้ม หอยตลับหม้อไฟ ปูทะเลสดจริง หอยนางรมไม่ต้องพูดถึงนะครับ หวานกรอบจนไม่กลัวคอเลสเตอรอลเลยล่ะครับ ยิ่งทานกับกระถิน กระเทียม บีบมะนาวด้วยแล้ว รีบบินมาด่วนเลยครับ
คุณหนุ่มนี่นอกจากจะเป็นนักปกครองแล้ว พื้นเพยังเป็นนักวิทยาศาสตร์อีกนะครับ แกอธิบายละเอียดครับว่าพวก หอย กุ้ง ปู หรือ Shell Fish นี่ เป็นสัตว์นํ้าในตระกูล crustaceans มีแบคทีเรียเยอะแยะไปหมด ต้องนำมาประกอบอาหารตอนสดๆ ไม่งั้นแบคทีเรียออกฤทธิ์กินความอร่อยของเนื้อไปหมด เห็นภาพและรับทราบด้วยประสบการณ์ทันที คุณหนุ่มยืนยันครับวัตถุดิบด้านแหล่งอาหารทะเลของสุราษฎร์นี่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มากเลยล่ะครับ แกบอกว่าตั้งใจที่จะปั้นการท่องเที่ยวของจังหวัดให้เป็น “ซีฟู้ด ซิตี้” เลยทีเดียวครับ
แต่อาหารไม่ใช่สิ่งเดียวที่เด่นของสุราษฎร์นะครับ เราชิมกันไปพอหอมปากหอมคอแล้ว ลองไปชม กับแชะ ถ่ายภาพกันดีกว่าครับ แต่คงต้องเป็นฉบับหน้าแล้วล่ะครับ อดใจรอนะครับ อู้ อ้า ไม่แพ้อาหารเลยล่ะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น