วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ดูแลด้วยหัวใจ จาก Generation to Generation

ดูแลด้วยหัวใจ จาก Generation to Generation
คุณศิรินลักษณ์ พลางกูร (คุณตวง)
“ไม่สบายเมื่อไหร่ ต้องนึกถึงสมิติเวชทันที มาที่นี่แล้วรู้สึกอบอุ่น เหมือนอยู่ที่บ้าน ประทับใจความดูแลเอาใจใส่ของทุกคน”
ถ้าเอ่ยชื่อคุณตวงที่สมิติเวช แล้วใครไม่รู้จักล่ะก็ คนนั้นต้องเชยแน่ๆ เลยค่ะ ทุกคนที่นี่รู้จักและสนิทกับคุณตวงแทบทุกคน ทุกแผนก ตั้งแต่รปภ. จนถึงห้อง ICU เพราะครอบครัวของคุณตวง ให้สมิติเวชดูแลมานานกว่า 30 ปีแล้วตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ มารุ่นคุณตวงและพี่สาว จนมาถึงรุ่นล่าสุดคือ ลูกชายคนเดียวของคุณตวง วันนี้ ไอเกิล โชคดีมีโอกาสได้พบกับคุณตวง เลยแอบขอสัมภาษณ์เรื่องราวของหัวใจ มาฝากคุณผู้อ่านกันค่ะ
คุณตวงบอกกับเราว่า “มาหาคุณหมอทุกด้าน ทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งตรวจสุขภาพ ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ฯลฯ ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อมาแล้ว เรียกว่า ถ้าปวดหัวตัวร้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะต้องนึกถึงสมิติเวชล่ะค่ะ
เพราะมาหาคุณหมอหลายด้าน จึงไม่มีคุณหมอประจำตัวอะไรเป็นพิเศษ เป็นโรคไหนก็ให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านดูแลกันไป แต่ถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจก็จะมีคุณหมออรพร คอยดูแลเป็นประจำค่ะ
“ประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา คุณแม่ป่วยหนัก เรียกว่าตอนนั้นต้องทำใจ คุณแม่ต้องอยู่ในห้อง ICU ประมาณ 3-4 เดือน ถึงสามารถออกมาพักฟื้นที่ห้องปกติได้ รวมแล้วประมาณ 5 เดือนเลยทีเดียว ตอนนั้นมีคุณหมอมาช่วยกันดูแลหลายเรื่อง ทั้งเบาหวาน ระบบไต ฯลฯ โดยคุณหมออรพรดูแลเรื่องหัวใจ” คุณหมออรพร เป็นคนดุมาก ลูกชายยังกลัวเลยค่ะ (แอบหัวเราะเบาๆ) แต่คุณหมอดุอย่างมีเหตุผล ต้องการให้คนไข้ที่มารับการรักษามีระเบียบวินัย ทานยาให้ถูกต้อง ตรงเวลา ทานให้ครบตามที่หมอสั่ง และจะต้องมาตรวจซ้ำเพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ตามที่คุณหมอนัดหมายทุกครั้ง ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกคุณหมอดุ ซึ่งตรงนี้ทำให้คุณตวงประทับใจ เพราะการที่คุณหมอเข้มงวดแบบนี้ ทำให้การรักษาของทุกคนในครอบครัวดีขึ้น จนหายเป็นปกติ ปัจจุบันคุณแม่ของคุณตวงยังสดใสและแข็งแรงเหมือนเดิม คุณตวงบอกว่าตลอดเวลาที่คุณแม่ของคุณตวงต้องมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ถึงแม้ว่าจะมีคุณหมอ พยาบาลและพนักงานดูแลเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม คุณตวงก็ยังคงมานอนที่โรงพยาบาล เพราะต้องการดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิด อยากอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา  ทั้งที่บ้านของคุณตวงเองอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลมาก เรียกว่าหลังบ้านแทบจะชนกัน ทำให้เชื่อว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คุณแม่ของคุณตวงกลับมาแข็งแรงและหายเป็นปกติได้เหมือนเดิม นั่นคือ “ความรักและความเอาใจใส่จากใจของคุณตวง ที่มอบให้กับคุณแม่ คือ พลังและกำลังใจสำคัญที่ทำให้สามารถผ่านพ้นไปได้ค่ะ”
คุณตวงเล่าให้ ไอเกิล ฟังต่อ อย่างไม่มีกั๊กกันเลยค่ะ อย่างเคสของพี่สาวคุณตวง คุณตวงบอกว่า “ช่วงนั้นพี่สาวไปเที่ยวหัวหิน ก็ดูร่างกายปกติ แข็งแรงดี แต่อยู่ๆ ก็เกิดอาเจียนขึ้นมา คิดว่าคงเป็นไข้หรือแพ้อาหารธรรมดาๆ ก็เลยไปหาหมอแต่ก็ไม่หาย สุดท้ายมาหาคุณหมออรพร ตรวจเช็คอย่างละเอียด ปรากฎว่า หัวใจไม่ทำงานไป ซีก ต้องอยู่ห้อง ICU ประมาณ 1เดือน แต่ตอนนี้พี่สาวก็หายดีแล้ว แต่ก็ต้องมาพบคุณหมอเป็นประจำค่ะ”
ลูกชายเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีความดันสูงมากด้วย คุณตวงบอกว่าสาเหตุน่าจะมาจากกรรมพันธุ์ เพราะลูกชายเพิ่งจะอายุแค่ 34 ปีเอง แต่ความดันสูงมาก สำหรับคุณตวงเอง มาด้วยอาการชัก คุณหมอตรวจเช็คอย่างละเอียด ผลออกมาว่า คุณตวงเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ คุณหมอให้ทานยาควบคุมอาการชัก ซึ่งตอนนี้ดีขึ้นและร่างกายแข็งแรงเป็นปกติแล้ว  “สาเหตุคงมาจากอายุที่มากขึ้นและไม่เคยตรวจสุขภาพเลย” (อายุมากขึ้น แต่ทำไมผิวพรรณและรูปร่างยังดูดีขนาดนี้) เมื่อก่อนนี้คุณตวงเล่นกอล์ฟเป็นประจำ แต่หยุดเล่นมาปีกว่าแล้ว และช่วงนี้ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีอย่างมาก
“งานหลักของตวงก็คือดูแลคุณแม่และดูแลพระ” ไม่ต้องงงค่ะ ดูแลพระสงฆ์นี่แหละค่ะ ตอนนั้นมีพระสงฆ์ท่านอาพาธ เป็นโรคเกี่ยวกับไต คุณตวงรู้จักกับคุณหมอที่ดูแลท่าน เลยเล่าให้ฟังว่าคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับไต จะต้องทานอาหารพิเศษ ซึ่งทำค่อนข้างยากและวุ่นวาย ด้วยความที่คุณตวงมีฝีมือในการทำอาหาร เพราะเคยเรียนที่ Le Cordon Bleu (ฝีมือขั้นเทพอีกต่างหาก) จึงรับอาสาทำมาถวาย จนท่านแข็งแรงสามารถกลับวัดได้ ด้วยความที่อาหารของคนเป็นโรคไตมีข้อจำกัดและข้อห้ามหลายอย่างและทำยากมาก ซึ่งที่วัดไม่สามารถทำได้ คุณตวงถึงกับลงทุนทำห้องครัวให้ใหม่ แล้วก็ยังคงเดินทางไปทำอาหารให้ท่านอยู่เป็นประจำจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
แบบนี้เค้าเรียกว่าความสุขอยู่ที่ใจจริงๆ นะคะ แบบนี้นี่เองที่ทำให้คุณตวงดูสดใส เปร่งปลั่งอยู่ตลอดเวลา เพราะความสุขทางใจก็ส่งผลให้ทางกายได้อานิสงส์ไปด้วย คุณตวงบอกว่ารู้สึกสุขใจที่ได้ดูแลท่าน ทำให้เราได้เข้าใกล้ศาสนามากขึ้น เข้าใจธรรมะมากขึ้น และยังฝากข้อคิดดีๆ เพียงแค่คำเดียวคือ “ปล่อยวาง” โกรธได้ โมโหได้ แต่เมื่อรู้ตัวแล้ว ตั้งสติได้แล้ว ก็ต้องรู้จักปล่อยมันไป อย่าเก็บเอามาเคียดแค้น ชิงชัง ง่ายๆ สั้นๆ แค่นี้ก็ทำให้ใจเป็นสุขได้ทุกคนค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น