โรคไข้หวัดใหญ่ 2009
ติดต่อได้โดยการไอหรือจามรดกันโดยตรง หรือการติดต่อผ่านทางมือที่สัมผัสของปนเปื้อน เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โทรศัพท์ โต๊ะ เก้าอี้ แป้นคอมพิวเตอร์ ไมโครโฟน เป็นต้น แล้วใช้มือแคะจมูก ขยี้ตา ป้ายปาก โดยไม่ได้ล้างมือด้วยสบู่ หรือ แอลกอฮอล์เจลก่อน
อาการ
ไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูก อาจมีอาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาจเสียชีวิตได้
การป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009
1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือ แอลกอฮอล์เจล เพื่อฆ่าเชื้อโรค
2. หลีกเลี่ยงการคลุกคลี ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัด หรือในที่ชุมชนหนาแน่น หากจำเป็นให้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
3. ปิดปาก ปิดจมูก ด้วยกระดาษทิชชู เมื่อไอจาม และต้องล้างมือทุกครั้ง
4. หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น (กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ)
5. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ผู้ปกครอง ควรนำลูกหลานมาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ อย่างน้อยปีละครั้ง เพราะจะมีการพัฒนาในตัววัคซีนในทุกๆปี
ฤดูหนาว..ระวังอีสุกอีใสระบาดในเด็กเล็ก
จากรายงานของ ‘ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ’ ให้ข้อมูลว่า ‘อีสุกอีใส’ เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ‘Varicella virus’ มักระบาดในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน และพบประปรายได้ตลอดปี สามารถเกิดได้กับคนทุกวัย แต่มักเกิดขึ้นกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ติดต่อกันได้โดยการไอ จาม สัมผัสเนื้อตัว หรือใช้ของร่วมกับคนที่เป็นอีสุกอีใสอยู่
อาการ
มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง สามารถลามได้ทุกส่วนของร่ายกาย โดยเริ่มแรกจะขึ้นเป็นผื่นแดงราบ ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆ ข้างใน มีอาการคัน จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มหนองอยู่ 2-4 วัน ก็จะตกสะเก็ด
ถึงแม้ว่า ‘อีสุกอีใส’ สามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเราได้ คือ เชื้ออาจหลบอยู่ที่ปมประสาท ซึ่งอาจเกิดโรค ‘งูสวัด’ ภายหลังได้ บางรายเชื้อแบคทีเรียที่แทรกซ้อน ทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ และปอดบวมได้ แต่ที่เห็นได้ชัดอาจมีรอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้บนผิวหนังมีผลต่อภาพลักษณ์ในอนาคตได้ ซึ่งปัจจุบัน อีสุกอีใส สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับเด็กที่มีอายุระหว่าง 1-12 ปี ที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน เพราะเด็กวัยนี้จะมีการสร้างภูมิต้านทานที่ตอบสนองกับวัคซีนได้ดี
ใครคือเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการวัดสายตา
เนื่องจากเด็กๆ ไม่สามารถมองปัญหาได้ชัดเจนเหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้นการทราบว่าเด็กคนใดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรรับการตรวจสายตาจากจักษุแพทย์จึงมีความสำคัญ เพื่อให้เด็กได้รับการแก้ไขเรื่องการมองเห็น และเป็นการป้องกันปัญหาเรื่องสายตาขี้เกียจ
ติดต่อได้โดยการไอหรือจามรดกันโดยตรง หรือการติดต่อผ่านทางมือที่สัมผัสของปนเปื้อน เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โทรศัพท์ โต๊ะ เก้าอี้ แป้นคอมพิวเตอร์ ไมโครโฟน เป็นต้น แล้วใช้มือแคะจมูก ขยี้ตา ป้ายปาก โดยไม่ได้ล้างมือด้วยสบู่ หรือ แอลกอฮอล์เจลก่อน
อาการ
ไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูก อาจมีอาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการหายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาจเสียชีวิตได้
การป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009
1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือ แอลกอฮอล์เจล เพื่อฆ่าเชื้อโรค
2. หลีกเลี่ยงการคลุกคลี ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัด หรือในที่ชุมชนหนาแน่น หากจำเป็นให้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
3. ปิดปาก ปิดจมูก ด้วยกระดาษทิชชู เมื่อไอจาม และต้องล้างมือทุกครั้ง
4. หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น (กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ)
5. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ผู้ปกครอง ควรนำลูกหลานมาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ อย่างน้อยปีละครั้ง เพราะจะมีการพัฒนาในตัววัคซีนในทุกๆปี
ฤดูหนาว..ระวังอีสุกอีใสระบาดในเด็กเล็ก
จากรายงานของ ‘ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ’ ให้ข้อมูลว่า ‘อีสุกอีใส’ เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ‘Varicella virus’ มักระบาดในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน และพบประปรายได้ตลอดปี สามารถเกิดได้กับคนทุกวัย แต่มักเกิดขึ้นกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ติดต่อกันได้โดยการไอ จาม สัมผัสเนื้อตัว หรือใช้ของร่วมกับคนที่เป็นอีสุกอีใสอยู่
อาการ
มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง สามารถลามได้ทุกส่วนของร่ายกาย โดยเริ่มแรกจะขึ้นเป็นผื่นแดงราบ ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆ ข้างใน มีอาการคัน จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มหนองอยู่ 2-4 วัน ก็จะตกสะเก็ด
ถึงแม้ว่า ‘อีสุกอีใส’ สามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเราได้ คือ เชื้ออาจหลบอยู่ที่ปมประสาท ซึ่งอาจเกิดโรค ‘งูสวัด’ ภายหลังได้ บางรายเชื้อแบคทีเรียที่แทรกซ้อน ทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ และปอดบวมได้ แต่ที่เห็นได้ชัดอาจมีรอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้บนผิวหนังมีผลต่อภาพลักษณ์ในอนาคตได้ ซึ่งปัจจุบัน อีสุกอีใส สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับเด็กที่มีอายุระหว่าง 1-12 ปี ที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน เพราะเด็กวัยนี้จะมีการสร้างภูมิต้านทานที่ตอบสนองกับวัคซีนได้ดี
ใครคือเด็กกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการวัดสายตา
เนื่องจากเด็กๆ ไม่สามารถมองปัญหาได้ชัดเจนเหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้นการทราบว่าเด็กคนใดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรรับการตรวจสายตาจากจักษุแพทย์จึงมีความสำคัญ เพื่อให้เด็กได้รับการแก้ไขเรื่องการมองเห็น และเป็นการป้องกันปัญหาเรื่องสายตาขี้เกียจ
- เด็กที่ชอบเอียงคอ นั่งใกล้ หรือรี่ตาดูทีวี
- เด็กบ่นดูกระดานไม่ค่อยชัด
- เด็กบ่นว่าปวดศรีษะ ปวดตาบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อกลับจากโรงเรียน หรือหลังทำการบ้าน หรืออ่านหนังสือ
- เด็กบ่นดูกระดานไม่ค่อยชัด
- เด็กบ่นว่าปวดศรีษะ ปวดตาบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อกลับจากโรงเรียน หรือหลังทำการบ้าน หรืออ่านหนังสือ
คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตุว่า บุตรหลานของท่านมีความจำเป็นต้องรับการตรวจตา และการวัดสายตา เพื่อการพัฒนาการมองเห็นสูงสุด ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องตาขี้เกียจตามมา
OUR SPECIALIST DOCTORS
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชกรรม – โรคติดเชื้อในเด็ก
• ศ.เกียรติคุณ นพ.เสน่ห์ เจียสกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชกรรม – โรคระบบทางเดินหายใจเด็ก
• นพ.อนุพันธ์ ตันทชุนห์
• นพ.ฐิติกุล หิรัญรัศ
OUR SPECIALIST DOCTORS
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชกรรม – โรคติดเชื้อในเด็ก
• ศ.เกียรติคุณ นพ.เสน่ห์ เจียสกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชกรรม – โรคระบบทางเดินหายใจเด็ก
• นพ.อนุพันธ์ ตันทชุนห์
• นพ.ฐิติกุล หิรัญรัศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น