ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับภาพถ่ายของนักเรียนหญิงระดับมัธยมศึกษากลุ่มหนึ่งในเครื่องแต่งกายเกือบเปลือยได้ถูกเผยแพร่ไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์ และถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของพฤติกรรมของเด็กกลุ่มดังกล่าว
สภาวะสังคมที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการเข้าถึงสื่อออนไลน์ต่างๆทำให้วัยรุ่นมีพื้นที่ในการแสดงออกมากขึ้น ในความเป็นจริง ภาพที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยของเราได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายเพียงใดในปัจจุบัน เมื่อเรามีโอกาสที่จะได้เห็นพฤติกรรมในลักษณะนี้มากขึ้นเรื่อยๆนับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เราได้ทำความเข้าใจและช่วยเหลือวัยรุ่นให้มีการแสดงออกในเรื่องทางเพศและเรื่องอื่นๆอย่างเหมาะสมในลักษณะที่เป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้น
“Sexting”เป็นคำที่ถูกใช้ครั้งแรกในปีค.ศ. 2005 ในหนังสือแมกกาซีนชื่อดัง Sunday Telegraph Magazine โดยคำนี้ใช้อธิบายถึงพฤติกรรมการส่งรูปเปลือยหรือรูปกึ่งเปลือยพร้อมกับข้อความที่มีความหมายล่อแหลมทางเพศให้กับผู้อื่น โดยในช่วงแรกเป็นการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่ในปัจจุบันหมายความรวมไปถึงการส่งผ่านรูปและข้อความรูปแบบดังกล่าวผ่านทางเครือข่ายออนไลน์ต่างๆด้วย ในปัจจุบัน “Sexting” ได้แพร่หลายไปทั่วโลก หลายๆรัฐในสหรัฐอเมริกา “Sexting” ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการลอกเลียนแบบในวัยรุ่นทั้งการเลียนแบบกันเองหรือเลียนแบบบุคคลสาธารณะส่งผลให้การถ่ายภาพเปลือยหรือกึ่งเปลือยแพร่ระบาดไปทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ธรรมชาติของโลกออนไลน์สามารถทำให้สิ่งที่วัยรุ่นคิดว่าเป็นส่วนตัวเปลี่ยนแปลงไปเป็นสาธารณะได้อย่างรวดเร็วโดยที่ตัววัยรุ่นเองก็ไม่ได้เข้าใจหรือไม่ได้ใส่ใจกับความจริงประการนี้
วัยรุ่นเป็นวัยที่พยายามค้นหาความเป็นตัวตน เป็นวัยที่มักจะตัดสินใจที่จะกระทำการบางอย่างโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้รอบคอบถึงผลของการกระทำที่จะตามมาในระยะยาว เป็นวัยที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องทางเพศและพยายามหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องทางเพศที่ตนเองสงสัย แสวงหาความสนใจจากเพื่อนต่างเพศในรูปแบบต่างๆกันไป ที่สำคัญแสวงหาการยอมรับจากเพื่อนและคนรอบข้างรวมถึงผู้ใหญ่แม้ว่าในบางครั้งจะไม่ได้ดูว่าเหมือนเป็นเช่นนั้น
ธรรมชาติของวัยรุ่นไม่ว่าจะในยุคใดสมัยใดไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอคือสภาพสังคมอันเป็นตัวกำหนดวิธีการและขอบเขตในการดูแลช่วยเหลือพวกเขา รายละเอียดปลีกย่อยของการดูแลวัยรุ่นแต่ละคนคงจะแตกต่างกันไปตามความต้องการและความแตกต่างระหว่างบุคคลของพวกเขา แต่สิ่งที่วัยรุ่นต้องการเหมือนกัน ก็คือ
ประการแรกพวกเขาต้องการใครสักคนที่รับฟังโดยไม่ตัดสินแต่ให้คำแนะนำในเรื่องหลายๆเรื่องที่พวกเขาสงสัยและหาคำตอบไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องทางเพศ
ประการต่อมาวัยรุ่นต้องการคนที่จะยืนยันกับพวกเขาว่า ร่างกายของเขาเป็นของเขา เขาควรดูแลและเคารพร่างกายของตนเอง หากจะทำอะไรที่ส่งผลกระทบที่จะตามมาในระยะยาวเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง ก็ควรจะทราบว่าพวกเขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำเหล่านั้น นอกจากนี้แล้วจิตใจของเขาก็ต้องได้รับการดูแลอย่างดีด้วยเช่นกัน
ประการที่สามธรรมชาติของวัยนี้ต้องการคำพูดและการกระทำที่เป็นบวกหากเป็นไปได้ในสถานการณ์ยากลำบากต่างๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาเป็นที่รักและคุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เขามีค่าสำหรับคุณแม้ในวันที่เขาอาจจะทำอะไรที่ผิดพลาดมากเท่าๆกับวันที่เขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง
ประการที่สี่เขาต้องการคำชื่นชมต่อพฤติกรรมที่ดีที่พวกเขาได้ทำ แม้ว่าสิ่งนั้นอาจเป็นเพียงการกระทำที่เล็กน้อยในสายตาของคุณและสุดท้ายพวกเขาต้องการบุคคลที่เป็นตัวอย่างสำหรับพวกเขา คุณจึงต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำของคุณอยู่เสมอเมื่ออยู่กับวัยรุ่น
หากวัยรุ่นมีการยอมรับนับถือตนเองและ การเคารพตนเอง พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ต่างๆมักจะมีแนวโน้มที่ลดลงหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป ในทางตรงกันข้ามหากพวกเขาไม่มีความรู้สึกยอมรับนับถือตนเองและการเคารพตนเอง พวกเขาสามารถทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้มากมายอย่างที่พวกเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีลูกวัยรุ่น ได้มีโอกาสทำงานกับวัยรุ่น หรือเกี่ยวข้องกับพวกเขาในทางใดทางหนึ่ง ลองมองวัยนี้ด้วยความเข้าใจ พยายามส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีของพวกเขาเพื่อลดทอนพฤติกรรมที่เป็นข้อจำกัดต่างๆ คุณอาจจะพบว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำให้พวกเขามีพื้นที่ที่ดีในการเติบโตและทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้นและเกิดความรักในตนเองมากขึ้น นี่คือความเข้าใจใหม่ที่อาจจะนำไปสู่การแก้ปัญหาในเรื่อง Sexting่ที่สังคมไทยต้องการ
พิสินี แดงวัง
นักจิตวิทยาประจำศูนย์วัยรุ่น โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น