วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

คู่มือดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

สนุกได้กับชีวิตที่คุณรัก
ด้วยมาตรฐานการรักษาโรงเฉพาะทางระดับโลกถึง 5 สาขา
ที่ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา

สมิติเวชพร้อมดูแลคุณ ให้คุณได้กลับไปสนุกกับกิจกรรมที่คุณรักได้อีก ด้วยมาตรฐานระดับโลกนี้ ผู้ป่วยและครอบครัวมั่นใจได้ถึงการดูแลรักษาอย่างถูกต้องแม่นยำ ตั้งแต่แรกเข้ารับการรักษา ขณะพักฟื้น จนสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยศักยภาพในการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ในเรื่อง
  • การวางแผนการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเป็นขั้นตอน
  • ความเชี่ยวชาญและกระบวนการรักษาที่แม่นยำวัดผลได้
  • การพัฒนาศักยภาพในการรักษา
  • การจัดการฐานข้อมูลผู้ป่วยและใช้ข้อมูลในการดูแลรักษาร่วมกับผู้ป่วย
  • การดูแลสนับสนุนทั้งผู้ป่วยและครอบครัวให้มีสภาพจิตใจที่ดี ใช้ชีวิตอยู่กับโรคอย่างเข้าใจ

1.   โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร

โรคหลอดเลือดสมอง หรือที่เรียกว่า
โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เกิดจาก สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างฉับพลัน แบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ
1)    เส้นเลือดสมองตีบ
2)    เส้นเลือดสมองแตก
เมื่อสมองขาดเลือดไปเลี้ยง เซลล์สมองจะตาย ทำให้เกิดความผิดปกติของร่างกายในส่วนที่ควบคุมโดยสมองที่ได้รับความเสียหาย

stoke
 
2.   โรคหลอดเลือดสมองพบได้บ่อยแค่ไหน
ทั่วโลกจะพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ
2 คนต่อประชากรทุกๆ 1000 คน แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยทั้งหมดมีอายุมากกว่า 60 ปี

ทำไมโรคหลอดเลือดสมองจึงรีบด่วน
 ทุกนาทีมีค่า ยิ่งสมองขาดเลือดนานสมองจะถูกทำลายมากขึ้น ช่วงเวลาสำคัญที่สุดคือ
3 ชั่วโมงแรกหลังมีอาการ และควรพาผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลภายใน 60 นาที เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

3.     อาการสำคัญ

stoke


4.    ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
การลดปัจจัยเสี่ยงจะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
1)    ความดันโลหิตสูง
2)    หัวใจเต้นผิดจังหวะ
3)    ไขมันในเลือดสูง
4)    เบาหวาน
5)    สูบบุหรี่
6)    อ้วน/น้ำหนักเกิน
7)    ความเครียด
8)    ขาดการออกกำลังกาย

5.     ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้
1)    อายุ
2)    เพศ
3)    เชื้อชาติ
4)    ประวัติโรคหลอดเลือดสมองในครอบครัว
5)    โรคทางพันธุกรรมบางประเภท
6)    เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจขาดเลือดมาก่อน

6.    โรคหลอดเลือดสมองหายเป็นปกติได้หรือไม่
การฟื้นสภาพร่างกายจากโรคหลอดเลือดสมองต้องอาศัยระยะเวลาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะในระยะหกเดือนแรกหลังเกิดอาการ อาการจะดีขึ้นเร็วช้าหรือมากน้อยเพียงใดขึ้นกับสภาพร่างกายและพยาธิสภาพของแต่ละบุคคล การทำกายภาพบำบัดจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

โอกาสเป็นซ้ำของโรคหลอดเลือดสมอง
 การกลับเป็นซ้ำของโรคหลอดเลือดสมองพบได้ค่อนข้างบ่อย พบว่าประมาณ
25 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่โรคหลอดเลือดสมองครั้งแรก จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีกภายในห้าปี

7.     การปฎิบัติตัว
1)    ควบคุมปัจจัยเสี่ยงให้อยู่ในค่าที่กำหนด
·    แอลดีแอล คลอเลสเตอรอล (LDL-cholesterol) < 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
·    เอชดีแอล คลอเลสเตอรอล (HDL-cholesterol) > 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
·    ความดันโลหิตน้อยกว่าหรือเท่ากับ 120/80 มิลลิเมตรปรอท
·    น้ำตาลในเลือดน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
2)    รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ งดเค็ม งดหวาน
3)    รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
4)    ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ
5)    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
6)    เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้อยกว่า 1 ดริ๊งต่อวันสำหรับผู้หญิง หรือ 2 ดริ๊งต่อวันสำหรับผู้ชาย
 (1 ดริ๊ง เท่ากับ เบียร์ 360 มิลลิลิตร ไวน์ 120 มิลลิลิตร หรือเหล้า 30 มิลลิลิตร)
7)    ห้ามใช้ยาเสพติดทุกชนิด เช่น เฮโรอีน โคเคน หรือกัญชา

8.    วิธีป้องการการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ
1)    หยุดสูบบุหรี่
2)    รับประทานยาควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาล
3)    รับประทานยาแอสไพรินหรือยาต้านเกร็ดเลือดตามแพทย์สั่ง
4)    ออกกำลังกายหนักปานกลาง อย่างน้อย 30 นาทีต่อเนื่อง ห้าวันต่อสัปดาห์
5)    มาพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด

9.    คำแนะนำสำหรับการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยเมื่อกลับบ้าน
1)    ประสานงานร่วมกับผู้ดูแลเพื่อการฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
2)    พบแพทย์ตามนัดภายใน 1 เดือนหลังออกจากโรงพยาบาล
3)    ทำการกายภาพบำบัดต่อเนื่องที่บ้านสม่ำเสมอ
4)    ทำกิจวัตรประจำวันให้ใกล้เคียงปกติเหมือนก่อนเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ค่อยๆ เริ่มวันละเล็กวันละน้อย
5)    สร้างเครือข่ายในชุมชนเพื่อกระตุ้นพัฒนาการของผู้ป่วย

10.  ข้อควรปฎิบัติเมื่อพบผู้ป่วยสงสัยโรคหลอดเลือดสมอง
โทรเรียกขอความช่วยเหลือที่ 0-2378-9000

รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

11.  แหล่งความรู้เพิ่มเติม
1)    สอบถามรายละเอียดข้อสงสัยกับแพทย์ผู้ตรวจรักษา
โทร
0-2378-9000
2)    ค้นหาข้อมูลในเวบไซต์ www.samitivejhospitals.com

12.  การตรวจยืนยันโรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจุบันมีอุปกรณ์หลายชนิดที่ช่วยในการวินิจฉัยและสืบค้นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่
1)    เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
2)    อัลตราซาวด์หลอดเลือดศีรษะและคอ (carotid duplex and transcranial droppler ultrasound)
3)    เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ฉีดสีเส้นเลือด (CT angiography)หรือเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าฉีดสีเส้นเลือด (MRA)
4)    อัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiography)

13.  แนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
1)    การรักษาด้วยยา แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
·   ยาต้านเกร็ดเลือด เช่น แอสไพริน, Clopidogrel
·   ยาละลายลิ่มเลือด เช่น heparin, low molecular weight heparin, warfarin
·   ยาลดไขมัน เช่น statin
·   ยาลดความดันโลหิต
2)    การรักษาด้วยการผ่าตัด
ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นเส้นเลือดสมองแตกหรือเส้นเลือดสมองตีบขนาดใหญ่
3)    การกายภาพบำบัด

14.  โภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจำเป็นต้องได้รับโภชนบำบัดเนื่องจากสาเหตุหลัก 2 ประการ
1)   ผู้ป่วยในช่วงที่เกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ขณะที่มีอาการแขนขาอ่อนแรงหรือพูดไม่ชัดมักมีปัญหาเรื่องการกลืนลำบาก ทำให้อาจเกิดปัญหาสำลักอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะปอดอักเสบตามมา ทำให้การฟื้นตัวไม่เป็นไปตามที่แพทย์คาดการณ์ไว้
2)   ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มักมีโรคประจำตัวอื่นอยู่แล้ว เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน เป็นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้สามารถลดความรุนแรงลงได้โดยการให้โภชนบำบัด

เมื่อมีโรคหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นแล้ว ผู้ป่วยควรได้รับอาหารช่วงต้นเป็นอาหารอ่อน เพื่อให้สามารถกลืนได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสสำลักอาหารลง เช่น เยลลี่ โจ๊กปั่นข้น ซุปครีมข้นต่างๆ อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยอาจสามารถรับประทานอาหารที่แข็งได้ หากหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และเคี้ยวช้าๆ เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น เริ่มกลืนได้ดีขึ้น ผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้ตามปกติ วามต้องการสารอาหารในช่วงแรกของการเจ็บป่วย อาจไม่สูงเท่าในช่วงที่ผู้ป่วยฟื้นตัวเป็นปกติ การรับประทานอาหารให้ได้พลังงานประมาณ 1500 – 1800 กิโลแคลอรี่ก็เพียงพอในช่วงนี้ อาหารที่รับประทานควรมีปริมาณสารอาหารและองค์ประกอบตามโรคประจำตัว ที่มีอยู่เดิม

ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรได้รับเกลือมากกว่า 2 กรัมต่อวัน หรือหากจะให้จำง่ายคือไม่เติมเกลือ น้ำปลา หรือซีอิ๊วเพิ่มในอาหารที่ซื้อรับประทาน ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรได้รับเกลืโปแตสเซียมซึ่งมีมากในผลไม้อันมีผลดีในการช่วยลดความดันโลหิตผลไม้ที่มีเกลือโปแตสเซียมสูงได้แก่ ส้ม กล้วย มะละกอ สตรอเบอรี่ ลูกเกด และผลไม้ที่มีเมล็ดแข็งต่างๆ (พีช, ลูกไหน เป็นต้น) ผักใบเขียและถั่วก็มีปริมาณเกลือโปแตสเซียมสูงเช่นกัน ได้แก่ ผักโขม, มะเขือเทศ, ดอกกะหล่ำ, แครอท และถั่ว

ในผู้ป่วยไขมันสูงควรลดปริมาณไขมันที่รับประทานลง หลีกเลี่ยงอาหารทอดที่อมน้ำมัน เช่น ไข่เจียว หมูทอด ลูกชิ้นทอด เป็นต้นแม้ว่าจะใช้น้ำมันพืชทอดก็ตาม เพราะไขมันที่ได้จากพืชแม้จะไม่มีโคเลสเตอรอล แต่ก็มีไตรกลีเซอไรด์ซึ่งหากมากเกินไปก็สามารถทำให้มีคราบหินปูนเกาะในหลอดเลือดได้เช่นเดียวกัน ในผู้ป่วยที่มีปัญหาโคเลสเตอรอลสูงควรหลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ เนย ครีมที่ได้จากนมสัตว์ สัตว์ทะเลมีเปลือกต่างๆ เช่น หอย ปู ปลาหมึก กุ้ง ก็มีปริมาณโคเลสเตอรอลสูง ซึ่งหากรับประทานมากเกินไปก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ อย่างไรก็ดีอาหารทะเลเป็นแหล่งของเกลือไอโอดีน และซีลีเนียมที่ดี

ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานอาหารจำพวกแป้งขัดสีหรือแป้งที่ผ่านกระบวนการให้น้อยลง เช่น ข้าวขาว, ขนมปังขาว, ก๋วยเตี๋ยว, เส้นพาสต้า เป็นต้น ผลไม้ที่มีรสหวานจัดสามารถรับประทานได้ แต่ต้องลดปริมาณการรับประทานในแต่ละครั้งลง เช่น รับประทานส้มเขียวหวานลูกเล็กได้วันละ 1-2 ผลเพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป หรือ รับประทานแตงโมแดงวันละ 4 ชิ้นพอคำ

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีปัญหาโรคประจำตัวหลายอย่างควรได้รับคำแนะนำในเรื่องอาหารอย่าง เหมาะสมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนบำบัด (Nutritionist) เพื่อการรักษาแบบองค์รวม ประสานกับการดูแล จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสมองและแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น