วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

การดูแลเส้นผม



เรื่องผมเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หน้าตาหลายคนเปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน เพียงแค่เปลี่ยนทรงผมใหม่ หลายคนมีบุคลิกที่ดูน่าภูมิฐาน ด้วยทรงผม และเส้นผมที่ดูดี
แต่ถ้าหากมีปัญหากับเส้นผมแล้ว บุคลิกภาพที่ดูดีก็จะเปลี่ยนไปเหมือนกัน
ทำให้ทุกคนใส่ใจกับการดูแลเส้นผมของตัวเอง ข้อมูลจากสหรัฐอเมริก พบว่ามีการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับเส้นผมปีหนึ่ง รวมแล้ว 50000 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
นอกจากเรื่องของความสวยความงามแล้ว เส้นผม ยังมีหน้าที่ป้องกันหนังศีรษะจากแสงแดด จากฝุ่น และจากแมลง นอกจากนี้ยังสามารถบอกถึงสุขภาพของเจ้าของผมด้วย เช่นโรคบางชนิด ภาวะโลหิตจาง การขาดสารอาหาร หรือความผิดปกติของฮอร์โมนบางชนิด

โครงสร้างของเส้นผม



ผมงอกขึ้นมาจากรูขุมขนที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง ที่ฐานของเส้นผมจะมีเส้นเลือดมาเลี้ยงเซลล์ซึ่งส่วนนี้มีชีวิต ในขณะที่เส้นผมที่งอกออกมาไม่มีชิวต และสร้างจากโปรตีนที่เรียกว่า keratin โดยสามารถแบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นในเรียกว่า medulla ชั้นกลางเรียกว่า cortex และชั้นนอกสุดเรียกว่า cuticle ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันผม นอกจากนี้ยังมีน้ำมันที่เคลือบอยู่ด้านนอกที่ทำให้ผมเงางาม ที่รอบ ๆ โคนผมในผิวหนังจะมีกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ทำให้เกิดอาการขนลุกได้ โดยกล้ามเนื้อเหล่านี้เมื่อหดตัวจะบีบน้ำมันที่ต่อมออกมาหล่อลื่นเส้นลม เรียกว่า sebum ซึ่งจะมีวิตามิน E ประกอบอยู่ในส่วนนี้ แต่ละคนมีรูขุมขนที่ศีรษะอยู่เฉลี่ยแล้วจะมีประมาณ 150,000 และในหนึ่งปีผมจะยาวขึ้นโดยเฉลี่ย 6 นิ้วต่อปี โดยในช่วงวัยรุ่นผมจะยาวได้เร็วกว่า

ผมร่วง หัวล้าน
โดยธรรมชาติของการสร้างเส้นผม จะแบ่งเป็นสองระยะ คือระยะพัก และระยะที่มีการสร้างเส้นผม

ส่วนหนึ่งของเรื่องนี้มาจากเรื่องพันธุกรรม และเรื่องเพศ ผู้ชายมากกว่า 80% จะสามารถพบหัวล้านแบบใดแบบหนึ่งได้ ผู้หญิงประมาณ 40% ภายหลังหมดประจำเดือนแล้วจะมีผลน้อยลง

ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมร่วงคือฮอร์โมนเพศชาย androgen
อีกส่วนหนึ่งคือ DHT ซึ่งเป็นสารที่มาจากฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ที่มากเกินไป ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะทำให้เซลล์ที่โคนผม อยู่ในระยะพัก มากกว่าระยะของการสร้างเส้นผม และทำลายเซลล์ที่โคนผมให้เล็กลงด้วย

หัวล้านที่เกิดจากอายุ อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องอายุ แต่เป็นเรื่องของการขาดสารอาหารเช่น ในผู้หญิง อาจจะเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก โดยอาจจะมีโลหิตจางร่วมด้วย คนที่ได้รับการผ่าตัดอาจจะทำให้ผมร่วงได้ หญิงที่เข้าวัยทอง หรือหญิงหลังคลอดก็เช่นกัน นอกจากนี้อาจจะเกิดจากโรคเช่น SLE, ไทรอยด์ หรือ โรคกลุ่มอาการที่มีถุงน้ำที่รังไข่ PCOS

ดังนั้นถ้ามีผมร่วงมากกว่าปกติ อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโรคดังกล่าว ภาวะทางโภชนาการ หรือเรื่องเกี่ยวกับฮอร์โมน
ความผิดปกติของผิวหนังศีรษะ ที่มีลักษณะอักเสบมากกว่าปกติ ที่เรียกว่า Seborrheic dermatitis ก็จะทำให้ผมร่วงมากขึ้น

สำหรับเรื่อง ไทรอยด์ในเลือดต่ำกว่าปกติ ควรตรวจคัดกรองด้วยการตรวจระดับฮอร์โมน TSH ตอนอายุ 20 ปี อายุ 35 ปี และพออายุมากกว่า 50 ปีควรตรวจปีละครั้ง

สำหรับเรื่องการดูแลเส้นผม
สิ่งที่สำคัญมากกว่าการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ คือการป้องกันไม่มีการทำลายของเส้นผม ที่พบบ่อยที่สุด คือเรื่องการสระผม การใช้ยาย้อมผม โดยเฉพาะน้ำยากัดสีผม การเป่าผมด้วยความร้อน
ลองดูหัวข้อต่อไปนี้เพื่อการสุขภาพผมที่ดี
1. practice good hair hygiene  
เราไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำคือการทำลายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการเป่าด้วยลมร้อน ๆ กัดสีผม ย้อมผม การเป่าลมร้อน ๆ ทำให้น้ำที่อยู่ภายใต้ชั้นนอก Cuticle กลายเป็นฟองน้ำและทำให้ผมฉีกขาดแตกปลาย ทางที่ดีคือใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้แห้งหมาดก่อน หากต้องเป่าลม ควรเลือกใช้ความร้อนที่น้อย ๆ ลองคิดว่าเส้นผมคือเสื้อผ้าไหม ที่ไม่ชอบให้ใช้เตารีดร้อนเกินไป การเลือกใช้แปรงผมที่เรียบหรือมีปลายกลมมนก็จะช่วยรักษาผมได้ และจะช่วยนวดผมและหนังศีรษะโดยไม่ทำลายมันด้วย
2. Examine your shampoo
คนทั่วไปเวลาสระผม ก็จะเปิดฝักบัวให้ผมเปียก เทแชมพู ล้างออก ใช้ครีมนวดผมอีกรอบ ถูสบู่ ล้างตัว เป็นเรื่องปกติของทุก ๆ คน แต่นั่นยังไม่ดีพอสำหรับการดูแลเส้นผม การสระผม ไม่ได้มีวิธีที่ถูกที่สุดวิธีใดวิธีหนึ่ง ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่แต่ละคนทำ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งผมของแต่ละคน และลักษณะผมของแต่ละคน

  • ถ้าคุณสระผมทุกวัน จะทำให้แล้วทำให้ผมแห้งเกินไป อาจจะต้องสระผมวันเว้นวัน
  • ถ้าคุณมีหนังศีรษะที่ค่อนข้างมัน อาจจะต้องสระผมทุกวัน หรือ วันละสองครั้ง
  • ถ้าคุณใช้ครีมนวดผมทุกวัน คุณอาจจะสระผมทุกวันเหมือนเดิม แต่เลือกปรับที่ครีมนวดผมก็ได้
  • ถ้าคุณมีรังแค คุณควรจะสระผมทุกวัน การสระผมให้บ่อยขึ้นจะช่วยลดไขมัน sebaceous ที่เป็นต้นเหตุของรังแคได้
  • ทางเลือกที่ดีที่สุดคือเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็น  Ph balance และค่อนข้างอ่อน แต่ต้องเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ไม่ใช้สังเคราะห์ (Cyanide ถือเป็นของธรรมชาติ)
  • ลองเลือกแชมพู ที่มีส่วนประกอบที่มี Aubrey Organics, Quinessence, So organic, Avalon Organic และ Organic Excellence
3.Stay pure
นอกจากน้ำที่เราดื่มต้องสะอาดแล้ว ควรอาบน้ำที่สะอาดเช่นกัน  อาจจะใช้เครื่องกรองที่มีถ่าน charcoal เพื่อกรองคลอรีนสำหรับใช้อาบน้ำ เพราะคลอรีนจะทำให้ผมแห้ง เพราะ คลอรีน จะเปลี่ยนเป็นสารที่แรงกว่า ที่ชื่อ Trichloromethanes
4.Check your diet
การเลือกรับประทานอาหารที่มี omegs-3  เช่นปลา น้ำมันปลา จะทำให้ผมเงางามมากขึ้น นอกจากปลาแล้วยังสามารถเลือก walnut, flaxseed ปลาซาร์ดีน ไข่ นมไขมันต่ำ และชาเขียว ได้เช่นกัน
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ จะทำให้มีการผลิตสาร DHT มากขึ้นทำให้มีการทำลาย hair follicle ที่สร้างเส้นผม ซึ่งจะให้มีหัวล้านได้
5.Check Hormone level
ถ้ามีปัญหาเรื่องผมร่วง หรือร่วงเป็นหย่อมๆ อาจจะเป็นอาการของความผิดปกติของฮอร์โมน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจระดับฮอร์โมนในเลือด โดยเฉพาะ ไทรอยด์
6.Slow Balding
ถ้าคุณมีผมร่วงมาก ๆ อาจจำเป็นต้องใช้ยาช่วย เช่น minoxidil หรือ propecia
Minoxidil จะช่วยให้เซลล์สร้างผมอยู่ในระยะสร้าง หรือ anagen มากขึ้น และทำให้ hair follicle ใหญ่ขึ้น ในขณะที่ propecia จะช่วยยับยั้งการเปลี่ยน testosterone ไปเป็น DHT  แต่ยานี้อาจจะมีผลข้างเคียงได้ จึงควรพบแพทย์ก่อนการใช้ยา
7.Add reinforcements

การใช้วิตามินช่วยเสริม โดยที่สำคัญกับเรื่องช่วยลดการเกิดผมร่วง คือ กลุ่มวิตามิน B6, biotin และ Folate จะช่วยลดการร่วงของผม ส่วน pantothenic acid และ niacin จะช่วยเพิ่มการสร้างผม เราสามารถได้วิตามินจากการทานผัก เช่นถั่วต่าง ๆ แครอท กระหล่ำดอก ไข่
อาหารเสริมอื่น ๆ เช่นสารสกัดจาก berries ต่าง ๆ หรือน้ำมันจาก อะโวคาโด แต่การวิจัยยังไม่ชัดเจนนัก บางวิจัยบอกว่า L-lysine จะช่วยให้ผมหนาขึ้น นอกจากนี้พริกไทยได้มีการทดลองในสัตว์ในการช่วยลดการมีผมร่วง
8.Know how to dye

  • ไม่ควรปล่อยให้ยาย้อมผิดอยู่นานเกินความจำเป็นในขณะย้อม
  • ใส่ถุงมือทุกครั้งที่ย้อมผม เพื่อป้องกันการสัมผัสการสารเคมีตรง ๆ
  • อย่าผสมผลิตภัณฑ์ย้อมผมหลาย ๆ ชนิดด้วยตัวเอง
9.DeFrost the flakes
การเกิดรังแคมาจากการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งสัมพันธ์กับเชื้อราที่เชื่อว่า Malassezia furfur ซึ่งอาศัยอยู่ที่หนังศีรษะ การรกาคือการสระผมบ่อยๆ ด้วยยาสระผมที่มีตัวยาที่ควบคุมการเกิดรังแค ทำให้ลดอาการคันศีรษะ และลดการเกาหนังศีรษะ บางครั้งต้องเลือกซื้อแชมพูที่มีส่วนผสมของยาต้านเชื้อรา เช่น tar , selenium sulfide, zinc pyrithione, ketoconazole แต่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ถ้าตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ถ้าตั้งครรภ์อยู่อาจทดลองใช้ชาเขียวซึ่งมีสาร polyphenol ใส่ที่หนังศีรษะ อาจจะช่วยได้
เขียนเรื่องแนวนี้ยากเหลือเกินสำหรับหมอหมี เขียนไปคิดไปว่า โกนผมไปเลยสิ้นเรื่อง อิิอิ
จาำก www.facebook/drcarebear

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น