| สาเหตุ |
สาเหตุที่ทำให้มีรอยคล้ำและถุงใต้ตา เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ที่สำคัญก็คือ เมื่อทราบแล้วว่าอะไรที่เป็นปัจจัยที่สามารถหลีกเลี่ยงหรือแ้ก้ไขได้ก็ควรจะแก้ไขปัจจัยนั้น หลายคนมีปัญหานี้เนื่องจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ เกิดรอยคล้ำรอบดวงตาได้แก่ |
- อ่อนเพลีย พักผ่อนนอนไม่พอ |
| การนอนกไม่พอหรือว่าเหนื่อยเพลียเกินไป จะทำให้ผิวหนังซีดลง ทำให้สามารถเห็นเส้น เลือดดำทีอยู่ใต้ผิวหนังได้ชัดขึ้น บางครั้งอาจเห็นเป็นสีคล้ำ ๆ ได้ |
| - ภาวะโภชนาการ |
| การขาดสารอาหาร หรือได้รับอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด การที่ผิวรอบ ๆ ดวงตามีสีเปลี่ยนไปได้ |
| - ความเครียดและการสูบบุหรี่ |
| ชีวิตที่เร่งรีบ การต้องใช้เวลา ๆ หลาย ๆ ชั่วโมงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ทำให้มีอาการนี้ และจะสัมพันธ์กับการที่คุณนอนไม่หลับ หรือนอนไม่พออีกด้วย |
| - พันธุกรรม |
| เช่นเดียวกับเรื่องเส้นเลือดขอดที่ขา การที่มีรอบตาดำมีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมได้ ถ้ามี คนในครอบครัวที่เป็นแบบนี้ คุณก็มีโอกาสที่จะเป็นได้เช่นเดียวกัน ผิวหนังรอบดวงตาค่อนข้าง บาง เมื่อเลือดผ่านไป เส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังจะทำให้เห็นรอยคล้ำขึ้นมา ถ้าผิวคุณยิ่งบาง ซึ่งเป็นพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมา ก็จะทำให้เห็นรอยคล้ำได้ง่ายขึ้น |
| - การได้รับแสงแดด |
| แม้กระทั่งในคนที่ผิวสีค่อนข้างเข้ม การได้รับแสงแดด โดยเฉพาะในบ้าน เรา จะทำให้มีเม็ด สี melanin มากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งที่รอบ ๆ ดวงตาก็เช่นเดียวกัน |
| - ภูมิแพ้ หอบหืด ผื่นแพ้ผิวหนัง |
| ภาวะเหล่านี้จะทำให้มีอาการคันรอบ ๆ ดวงตา ทำให้มีรอยคล้ำรอบตา เนื่องมาจากการเกา การขยี้ตา คนที่เป็นภูมิแพ้มาก ๆ จะเห็นได้ชัด รวมถึงการแพ้อาหารบางประเภทก็ทำให้มีรอย คล้ำได้ |
| - ยาบางชนิด |
| จะเป็นกลุ่มยาที่ทำให้มีการขยายตัวของเส้นเลือด เพราะผิวหนังที่ค่อนข้างบางนั้น เมื่อเส้นเลือดดำขยายตัวจะทำให้เห็นชัดมากขึ้นกว่าบริเวณอื่น |
| - การตั้งครรภ์และการมีประจำเดือน |
| ผิวหนังจะซีดลงในช่วงนั้น เนื่องจากการเสียเลือดทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ทำให้เส้นเลือดดำ ที่อยู่ใต้ผิวหนังเห็นชัดขึ้น |
| - อายุ |
| สำหรับคนที่มีแนวโน้มที่จะมีรอยคล้ำรอบดวงตา เมื่ออายุมากขึ้น ก็จะทำให้เห็นได้ชัดเจน ขึ้นและอาจเป็นแบบถาวร รอยเหี่ยวย่นรอบใต้ตา ก็จะยิ่งทำให้เห็นชัดเจนขึ้น |
การดูแลตนเองเพื่อลดและป้องกันรอยคล้ำรอบดวงตา |
| - การนอนหลับให้เพียงพอ |
| เรื่องการนอนหลับให้เพียงพอ เป็นเรื่องสำคัญ ไม่เฉพาะการดูแลดวงตา แต่กับสุขภาพก็สำคัญเช่นกัน |
| - การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ |
ทานอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอืน |
| - การประคบด้วยถุงชา |
| วิธีนี้ จะเป็นการใช้ถุงชา แช่ในน้ำเย็นที่มีสารสกัดจากแตงกวา แล้วนำมาวางไว้ที่ตา ประมาณ 15-20 นาที วันละครั้ง จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดการบวมรอบ ๆ ดวงตาได้ |
| - การกดรอบ ๆ ดวงตา Acupressure |
เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำง่าย ๆ โดยการหลับตาและใช้นิ้วนางกดไป บริเวณใต้ดวงตาข้างหนึ่งจากมุมด้านในออกไปจนมุมด้านนอก โดยกดแต่ละตำแหน่ง ประมาณ 3 วินาที ประมาณ 10-15 ครั้งแล้วก็ให้ทำกับอีกข้าง |
| - การใช้ครีมรอบดวงตา |
| การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินทั้งสอง คือ Retinal (Vitamin A) และ Vitamin K จะช่วย ลดริ้วรอย และลดรอยคล้ำได้ หรือใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Vitamin C ซึ่งมีสาร antioxidant ก็ได้ผลดีเช่นกัน |
| - การประคบเย็นด้วยแตงกวา หรือ มะเขือเทศ |
| เตรียมแตงกวา หรือมะเขือเทศ ที่ฝานบาง ๆ แช่ตู้เย็นไว้ มาประคบที่ตาประมาณ 10 นาที จะช่วยลดการบวมและลดรอยคล้ำใต้ตาได้ จากการหดตัวของเส้นเลือด |
| - การใช้ moisturizer และการใช้ sunscreen เป็นประจำ |
| ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาเรื่องรอยคล้ำใต้ตาหรือไม่มี การที่ใช้ Moisturizer และ ครีมกันแดด เป็นประจำเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว |
ที่เขียนมา หมอหมีทำได้แค่ นอน กับ กิน |
| ได้ทาครีมบ้าง แต่ให้ทำบ่อย ก็ขี้เกียจครับ แต่สาว ๆ ทั้งหลายสนใจวิธีไหนเชิญตามสะดวก แล้วมาบอกผลกันบ้างนะครับ |
| จาำก www.facebook/drcarebear |
วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555
การดูแลรอยคล้ำรอบดวงตา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น