วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เครื่องตรวจมะเร็งเต้านมแบบ 3 มิติ



Digital Breast Tomosynthesis
เครื่องตรวจมะเร็งเต้านมแบบ 3 มิติ
สุดยอดนวัตกรรมล่าสุดที่ช่วยวินิจฉัยมะเร็งเต้านมประสิทธิภาพสูง



Digital Breast Tomosynthesis คือ
• เครืองเอ็กซเรย์เต้านมด้วยระบบดิจิตอลที่มีระบบการสร้างภาพ 3 มิติ รูปแบบ 3D-Volume ที่มีความละเอียดคมชัดสูง ส่งผลให้การตรวจเช็คมีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น

เพิ่มความแม่นยำมากขึ้นด้วยโปรแกรมตรวจจับมะเร็ง CAD
• โปรแกรมนี้จะช่วยแพทย์วิเคราห์และอ่านผลพร้อมบอกตำแหน่งจุดที่น่าสงสัยหรือผิดปกติ เพื่อตอกย้ำความแม่นยำในการวินิจฉัยความผิดปกติ

จุดเด่นของการตรวจมะเร็งเต้านมแบบ 3 มิติ
• สามารถทำการตรวจวินิจฉัยในกลุ่มผู้หญิงทีมีเต้านมหนาทึบได้ดียิ่งขึ้น และในกลุ่มผู้ป่วยผ่าตัดเสริมเต้านม
• ลดอัตราการติดตามผู้ป่วยมาตรวจซ้ำ
• ติดตามการรักษาในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้ดีมากขึ้น
• สามารถระบุตำแหน่งรอยโรคและความผิดปกติต่างๆได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ




แผนกรังสีวินิจฉัย

สมิติเวช สุขุมวิท
Call Center 02-711-8181

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ออกกำลังกายแบบ ส.ว.


“เวลาไม่เคยคอยใคร” เป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องยอมรับว่า เมื่อเวลาผ่านไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ร่างกายของเรา ที่เมื่อก่อนเคยกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว แต่เดี๋ยวนี้เริ่มทำอะไรช้าลง เหนื่อยง่าย ไม่ว่องไวเหมือนแต่ก่อน ที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าอายุเริ่มเข้าเลข 6 นำหน้าแล้ว เพราะนี่เป็นกฎแห่งความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้นไปได้สักคนถ้าไม่รีบด่วนจากไปเสียก่อนนะคะ
ร่างกายที่เคลื่อนไหวได้น้อยลงย่อมส่งผลให้ความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุแต่ละคนแตกต่างกันไปด้วย แต่การออกกำลังกายเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้น แล้วการออกกำลังกายแบบใดถึงจะเรียกว่าเหมาะกับวัยของผู้สูงอายุ ไอเกิลได้รับเกียรติจาก นพ. พันธศักดิ์ ตันสกุล มาให้ความรู้เรื่องนี้กันค่ะ คุณหมอ บอกว่าร่างกายของเราเมื่อใช้ไปนานๆ ก็จะเกิดความเสื่อมขึ้น โดยความเสื่อมจะทำให้ความทนทานของร่างกายน้อยลง คือ ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ประการต่อมา คือ ความยืดหยุ่นจะเสียไป โดยเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อเส้นเอ็นทั้งหมด จึงเกิดเรื่องโจ๊กที่ว่าคนเราเมื่ออายุมากขึ้นมีตึงอยู่ 2 อย่าง คือ หูกับเส้น นอกนั้นหย่อนยานหมด ส่วนที่อยากให้ตึงกลับไม่ตึง อะไรที่ไม่อยากให้ตึงกลับตึ๊ง ตึง
สุดท้ายความแข็งแรงลดลง คือ กำลังไม่ค่อยดี หยิบ จับ ยกอะไรได้ไม่เหมือนเดิม เมื่อก่อนยกกระถางต้นไม้ 3-4 กระถางได้ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวนี้ยกแค่กระถางเดียวก็เริ่มเจ็บ เริ่มปวด สิ่งเหล่านี้เป็นสภาวการณ์ที่ร่างกายเริ่มเกิดความเสื่อม และสิ่งที่จะตามมาคือ เรื่องของอุบัติเหตุเพราะร่างกายไม่ยืดหยุ่นก็ทำให้ทรงตัวได้ไม่ดี ทำให้ลื่นล้มง่าย เกิดการบาดเจ็บจากการใช้งานทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ฉะนั้น การออกกำลังกายในผู้ที่มีอายุเพิ่มมากขึ้นจึงมีความสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาความเสื่อมต่างๆ เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันได้
การออกกำลังกายในผู้สูงอายุแบ่งออกเป็น 3 ด้านด้วยกัน สิ่งแรก คือ ออกกำลังกายเพื่อให้เกิดความทนทานซึ่งเป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความฟิตให้กับร่างกาย เช่น การเดินเร็ว ในคนปกติก็คือ การวิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายนํ้า ซึ่งจริงๆ ผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายเหล่านี้ได้ทั้งสิ้น แต่ต้องเป็นการออกกำลังกายปานกลาง ไม่ควรออกกำลังกายหนักเพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ “การออกกำลังกายปานกลาง จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุด้วยเช่นกัน โดยในช่วงวัยกลางคนอาจจะเป็นการวิ่งเหยาะๆ แต่ผู้สูงอายุจะเป็นแค่การเดินเร็วประมาณ 30-45 นาที โดยลักษณะการเดินจะเหมือนกับการเดินที่เรารีบจะไปไหนสักแห่งหนึ่งหรือที่เรียกว่าเดินจํ้า ลักษณะทางร่ายกายที่เกิดขึ้นจากการเดินปานกลาง คือ มีเหงื่อซึมๆ ออกมาเท่านั้น ซึ่งถ้าเดินออกกำลังกายไปกับเพื่อนจะต้องสนทนากันระหว่างที่เดินไปได้ด้วย ไม่ใช่หอบจนพูดคุยไม่ได้ ในส่วนการว่ายนํ้าก็สามารถทำได้ แต่ระดับการออกกำลังกาย คือ ให้รู้สึกว่าไม่หอบ การหายใจไม่ได้กระชั้นเป็นลักษณะการหายใจที่ปกติ ไม่ใช่ หายใจถี่ขึ้นๆ หากเป็นผู้สูงอายุมีอายุประมาณ 70-80 ปีขึ้นไป แนะนำให้ออกกำลังกายโดยยืนแกว่งแขนอยู่กับที่ประมาณ 30-45 นาทีเช่นกัน จะเป็นการช่วยในเรื่องของความ ทนทานของร่างกายได้ โดยหลักการจะเป็นการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ทำงานซํ้าๆ”
ต่อมา คือ เรื่องของความยืดหยุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นท่ายืดกล้ามเนื้อทั้งในส่วนของคอ บ่า แขน ไหล่ ซึ่งโดยหลักการของการยืดกล้ามเนื้อจะต้องยืดไปจนถึงจุดที่ตึงแต่ไม่เจ็บ ทำค้างไว้ประมาณ 30 วินาที โดยทำ 7-10 ครั้ง วันละ 2 รอบ เช้ากับเย็น การออกกำลังกายในลักษณะอย่างนี้ผู้ชายจะชอบ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงอาจจะเป็นการเล่นโยคะ แต่การเล่นโยคะในผู้สูงอายุควรจะทำเพียงแค่ท่าพื้นฐานที่มีอยู่ประมาณ 5-7 ท่าเท่านั้น เพราะคนอายุมากมีความตึงในกล้ามเนื้อของร่างกายอยู่มาก ถ้าออกกำลังกายในท่าที่มีความพิสดารหรือท่าที่ทำยาก จะทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
สุดท้ายจะเป็นเรื่องของความแข็งแรงซึ่งในส่วนนี้ผู้สูงอายุจะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่หมอมักจะแนะนำให้ทำไปด้วย เพราะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การเล่นเวทเบาๆ เล่นดัมเบล หรือเล่นพวกยางยืด โดยทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำ 7-10 ครั้ง จำนวน 3 เซต หมายความว่าเมื่อทำ 7-10 ครั้ง แล้วให้พักครึ่งนาที แล้วทำใหม่ให้ครบ 3 เซต เมื่อทำไปสักระยะหนึ่งถ้าทำได้ดี ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวด สามารถเพิ่มจำนวนครั้งให้มากขึ้นได้ อาจจะเป็น 9-10 ครั้ง ต่อ 1 เซ็ต ซึ่งการออกกำลังกายในลักษณะเช่นนี้จะทำให้ผู้สูงอายุรักษามัดกล้ามเนื้อไว้ได้บ้างเพื่อเอาไว้ใช้งาน
คุณหมออธิบายต่อว่า สำคัญที่สุดสำหรับการออกกำลังกายของผู้สูงอายุที่ต้องระมัดระวัง คือ ห้ามออกกำลังกายมาก ซึ่งก็คือห้ามฝืน เพราะถ้าฝืนหรือทำมากกว่าที่ร่างกายจะรับได้สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ จะใช้การเบ่ง ซึ่งเป็นการกลั้นลมหายใจแล้วผลักลงไปที่ช่องท้อง ช่องอก คล้ายการเบ่งเพื่อถ่าย เมื่อไปเพิ่มความดันในช่องท้อง ช่องอก บางครั้งจะไปกดการทำงานของหัวใจได้ เช่น ผู้สูงอายุบางคนไปยกกระถางที่นํ้าหนักมากเกินกว่าที่ร่างกายจะยกไหว เมื่อยกก็จะเกิดการเบ่ง ลักษณะเช่นนี้จะส่งผลต่อหัวใจเพราะหัวใจจะส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ จึงเกิดอาการหน้ามืดเป็นลม หรือบางรายเกิดอาการหัวใจวายได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก รวมทั้งส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อเส้นเอ็นขึ้นได้ ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับคนที่อายุน้อยๆ ออกกำลังกายมากกว่าปกติ โดยอาการเจ็บอาจเกิดขึ้นหลังออกกำลังกายเดี๋ยวนั้นเลยหรืออาจจะเกิดขึ้น หลังจากการออกกำลังกายไปแล้ว 1-2 วัน ก็ได้แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละคน
ตลอดจนการออกกำลังกายที่ไม่สมํ่าเสมอเพราะจะทำให้สมรรถนะความฟิตที่ผู้สูงอายุเคยมีอยู่จะหายไปหรือตํ่าลงอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง ผู้สูงอายุมักจะเข้าใจว่าตนเองยังสามารถออกกำลังกายในระยะเวลาเท่าเดิมหรือจำนวนครั้งเท่าเดิมได้ก็จะทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
การออกกำลังกายที่หมอแนะนำนั้น เป็นการออกกำลังกายที่ผู้สูงอายุทำได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย แม้แต่ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวังตามคำแนะนำที่กล่าวไป อีกทั้งผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว หากต้องการออกกำลังกาย หมอเจ้าของไข้ก็จะบอกวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องให้อยู่แล้วว่าควรปฏิบัติอย่างไร มีข้อห้ามอย่างไร
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้สูงอายุจะต้องรู้จักสังเกตตัวเองในการออกกำลังกายแต่ละครั้ง สิ่งแรก คือ จะต้องไม่ฝืน ต่อมาถ้ามีอาการเหนื่อย หอบจนไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ รวมทั้ง มีการเจ็บหรือปวดในการออกกำลังกาย ซึ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่า กำลังออกกำลังกายมากเกินไปแล้ว หากต้องการเล่นกีฬาควรหลีกเลี่ยงกีฬา ที่ต้องเร่งรีบหรือต้องใช้ความว่องไวสูงเช่น แบดมินตัน เทนนิส แต่ถ้าเล่นกับคนวัยเดียวกันก็อาจเล่นได้ แต่ควรเล่นเพื่อความสนุกสนานไม่ใช่แข่งขันกัน รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องใช้แรงปะทะ เช่น รักบี้ฟุตบอล การออกกำลังกาย ที่เหมาะกับผู้สูงอายุจะเป็น การเดิน เล่นกระบอง การรำไท้เก็ก ไทชิ หรือชี่กง ซึ่งจะได้ในเรื่องของการทรงตัว ถ้าชอบก็สามารถเลือกวิธีเหล่านี้ได้แต่ไม่จำเพาะเจาะจง ถ้าใครชอบแบบอื่นก็สามารถทำได้ เพราะการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นวิธีใดล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น
ไม่เพียงเท่านี้นะคะ คุณหมอยังให้ความรู้เพิ่มอีกว่า เมื่ออายุมากขึ้นความหนักของการออกกำลังต้องลดลง แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะประเด็นอยู่ที่ว่าได้ออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอหรือไม่ เนื่องจากต้นทุนทางร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้น ต้องดูความสามารถของตนเองเป็นหลักซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าการออกกำลังกายที่ทำอยู่นั้นมากเกินไปหรือกำลังพอดี จึงเห็นได้ว่าทำไมคนอายุ 80 ปี บางคนวิ่งมาราธอนได้แต่ทำไมคนหนุ่มๆ สาวๆ ถึงวิ่งไม่ได้ นั่นเป็นเพราะร่างกายของผู้สูงอายุคนนั้นมีการออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอ ทำให้ร่างกายมีความพร้อมระดับหนักได้
คุณหมอทิ้งท้ายไว้ว่า อยากให้ผู้สูงอายุทุกคนใส่ใจในเรื่องสุขภาพของตนเองให้มากขึ้น โดยออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอ เน้นการออกกำลังกายที่ทำแล้วมีความสุขเพราะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดการออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอ และที่อยากฝากไว้ คือ อย่าไปฟังคนอื่นพูดมากจนเกินไปนัก เช่น ออกกำลังกายแบบนี้ดี แบบนี้ดีที่สุด แต่อยากให้เริ่มจากการออกกำลังกายที่เราอยากจะทำเสียก่อน แล้วทำให้เกิดความสมํ่าเสมอ เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย เช่น เพลียน้อยลง มีความคล่องตัวขึ้น ในการเดิน นั่ง ขึ้นบันได เที่ยวได้สนุกขึ้น ไม่ต้องกลับมานั่งบ่นปวดตรงนั้น เจ็บตรงนี้ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่านะคะเพราะการออกกำลังกายไม่เพียงแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นแต่ยังส่งผลให้สุขภาพจิตดีตามไปด้วยไม่ต้องเป็นภาระของใครจะได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลานไปได้ อีกนานๆ ยังไงล่ะคะ

Good Exercise for Elders
Time waits for no one.  Such is the fact of life.  Once the number of our age starts climbing, our body movement starts sliding down which can affect our daily routine.  Picking up a few plant pots can be more tiresome than it used to be.  Because our bodies are not as flexible as before, injuries can easily occur.
The right type of exercise can help improve the quality of life for elderly.  Dr. PantasakTansakul, specialist in physical medicine and rehabilitation, recommended three things to consider.
First, exercise to increase endurance.  Some easy exercises in moderation include speed walking, riding a bike or swimming.  Dr. Pantasak mentioned that moderate jogging or speed walking for 30 – 45 minutes to get some sweats is good enough.  Do not overdo it until you are panting for breaths.  People over the age of 70 should try swinging their arms for 30 – 45 minutes.  The goal is to use some muscles repeatedly to increase endurance.
Next, exercise to increase flexibility, especially around the neck, shoulders and arms.  Stretch out those muscles for 30 minutes by doing 7 – 10 times per set, twice a day.  Men may prefer this, but women may prefer Yoga.  However, only the basic poses are necessary to loosen those tight muscles.
Last, exercise to increase strength.  Although strength training is optional, lifting lightweight dumb bells or using a stretch band are recommended.  Just hold for 5 seconds, 7 – 10 times per set for 3 sets regularly can improve on bodily aches and pains and maintain strength.
Dr. Pantasak exerted that the key to proper exercise is “do not overdo it!”  If you start holding your breath during exercise to force your body, it may result in not getting enough oxygen to your brain, which leads to a black out.  Some people may also suffer a heart attack as a result.  Furthermore, regular exercise will increase fitness and prevent injury.  This is because some people tend to go back to doing their regular routine after they have stopped for awhile without realizing that their body cannot handle it.
For people who have a medical condition, it is still possible to do some exercise under the guidance of a physician to be cautious of any moves that may not be proper.  It is also important to pay attention to our body because it will tell us when to stop.
If playing sports is a preference, Dr. Pantasak advised that it is best to avoid playing sports that require high agility such as badminton or tennis or contact sports such as rugby or football.  Tai-Chi or Chi-Qong may be considered because you can also learn to balance better.
No matter what type of exercise you choose, Dr. Pantasak emphasized that regular exercise is the key.  Choose a suitable one that will make you happy and practice regularly.  You will find that you have better movement, become less tired and have a better time than before so you can enjoy the golden years with your children and grandchildren.

บุกลอนดอนเกมส์


หลังจากที่อดตาหลับขับตานอนเชียร์ฟุตบอลยูโรกันไปแบบจอดำๆ พอนอนได้เต็มอิ่มมีแรงแล้ว เตรียมอดตาหลับขับตานอนเชียร์ทีมชาติไทยบุกโอลิมปิกกันบ้างนะครับ ไปกันหลายทีมทีเดียว ทั้งมวย เทควันโด้ แบดมินตัน ยิงปืน วินด์เซิร์ฟ กรีฑา เทเบิลเทนนิส ยกนํ้าหนัก ยิงธนู เรือใบ ขี่ม้า จักรยาน มวยปลํ้า วอลเลย์บอลฯ เยอะครับกว่า 40 ชีวิตทีเดียว
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พวกเราได้ตื่นตาตื่นใจไปกับพีธีเปิดและปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่งแบบไชนิสสไตล์ ที่อัดทั้งกำลังคนและกำลังภายในกันล้นปรี่ คราวนี้ก็มาถึงตาโอลิมปิกที่ลอนดอนก็ต้องดูว่าบริติชสไตล์จะผู้ดีแค่ไหน ทางท่านลอร์ดแมร์ นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอริส จอห์นสัน ได้ออกตัวไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วว่าคงสู้ไชนีสสไตล์ไม่ได้ แต่ก็ยังเอาดาราเด่นๆ อย่าง เดวิด เบ็คแฮม David Beckham นักเตะขวัญใจแฟนๆ ทั่วโลก เลโอนา ลูวิส Leona Lewis ซึ่งเมื่อตอนนั้นเป็นคลื่นลูกใหม่ของวงการดนตรีอังกฤษ (แต่ตอนนี้น่าจะเป็นสาวหวานมั่น อะเดล Adele ไปเรียบร้อยแล้ว) และจิมมี่ เพจ (Jimmy Page) ตำนานกีตาร์ผู้เกรียงไกรจากวง เล็ด เซปเปลิน (Led Zeppelin) มาร่วมรับธงโอลิมปิกไปเตรียมตัว เราลองมาดูกันว่าเขาเตรียมอะไรไว้ต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 กันมั่ง
เมื่อตอนพิธีเปิดและปิดโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่งนั้น ได้ผู้กำกับมือฉมังอย่าง จางอี้โหมว ผู้กำกับภาพยนตร์ชั้นนำ อาทิ Hero,House of Flying Daggers, และ Curse of the Golden Flower มาเป็นผู้กำกับศิลป์ทั้งหมด ที่ลอนดอนถึงจะพยายามออกตัวไปแล้ว แต่ก็คว้าผู้กำกับฝีมือขั้นเทพอย่างแดนนี่ บอล์ยเจ้าของรางวัลออสการ์ จากภาพยนตร์เรื่อง Slumdog Millionaire มาเป็นผู้กำกับศิลป์เลยละครับ ไม่รู้นะครับว่าจะยิ่งใหญ่ใหญ่ยิ่งแค่ไหน แต่มีข่าวแพลมๆ มาว่าจะใช้เพลงอมตะของเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียงของอังกฤษอย่าง Beatles, Led Zeppline, Duran Duran, The Clash, David Bowie, Eurythmics และอื่นๆอีกมากมายเป็นสิบๆ เลยทีเดียวเชียว ว่ากันว่าจะประชันกันแบบ mosh pit ซึ่งจะเป็นคอนเสิร์ตร็อคแบบมันๆ ที่จะมีคนวิ่งกระโดดชนกัน บางทีก็กระโดดขึ้นบนเวทีแล้วกระโดดลงมาให้ผู้ชมคนอื่นรับแล้วไถลไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผมไม่รู้นะครับว่า mosh pit ของคุณแดนนี่จะคลั่งแค่ไหน
นอกจากนี้ยังแว่วว่า ทีแรกจะมีการขน หมู หมา กา ไก่ วัว แกะ มาร่วมแสดงมากมายเพื่อสะท้อนภาพความเป็นประเทศอังกฤษ ผมน่ะนึกภาพยังไม่ออกหรอกครับว่าจะสะท้อนยังไง แต่คุณแดนนี่เขาว่ามายังงั้น แล้วรู้สึกว่ามีกระแสไม่ปลื้ม เลยอาจไม่มีแล้วก็ได้ งั้นเราคงได้เห็นวิธีต้อนแกะ แบบในเรื่องหมู Babe ก็ได้นะครับ ยังไงเราคงต้องมาดูกัน วันที่ 27 กรกฎาคมนี้ล่ะครับ จะกี่โมงกี่ยามก็คอยดูทีวีพูลเขาแจ้งมาก็แล้วกัน หวังว่าคงไม่มีเรื่องจอดำมารบกวนจิตใจกันนะครับ
โอลิมปิกที่ลอนดอนนี่เขาก็จะมีช่วง 27 กรกฎาคม-12 สิงหาคม อากาศจะร้อนทีเดียว ก็เหมาะแล้วสำหรับการเป็นซัมเมอร์โอลิมปิก ผมน่ะไม่ใช่แฟนตัวยงของลอนดอนหรอกครับ เพราะเบื่ออากาศที่เอาแน่ไม่ได้ แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าลอนดอนก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร ครั้นจะข้ามนํ้าข้ามทะเลไปดู ท่าทางคนจะแน่นเอาการ แถมบัตรค่าดูพิธีเปิดก็หนักเอาการอยู่นะครับ ดูการแข่งขันธรรมดาๆ น่ะพอท้วมๆ แต่พิธีเปิดปิดนี่สงสัยคุณแดนนี่ คงจัดหนักเพราะทำให้ค่าบัตรเข้าชมสูงสุดถึง 200,000 กว่าบาทเชียวล่ะครับ เข้าไปดูแล้วไม่รู้จะเหงื่อซิ่กเพราะอากาศร้อน หรือจะซิก (sick) เพราะค่าบัตร ผมน่ะเคยไปดูพิธีเปิดโอลิมปิกที่แอตแลนต้า ที่เขาเรียกว่า Atlanta Games เมื่อปี 1996 ตอนนั้นบัตรค่าเข้ายังไม่หฤโหดเท่านี้ แต่ก็ไม่เบานักหรอกครับ ผมบอกได้คำเดียวว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว once in a life timeสำหรับผมโอเคแล้วครับ
ตอนนี้ขอนั่งดูหน้าจอที่บ้านสบายๆ ค่าบัตรเข้าชมนี่นำมาซื้อทีวีจอแบนใหญ่ๆ เจ๋งๆ ได้อย่างดี แล้วยังเหลือไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วย แต่ใครใคร่ไปดูและสามารถไปได้ ลองเลยครับไม่งั้นต้องรออีก 4 ปี ที่ ริโอ Rio อาจจะได้สีสันอีกแบบ แต่นั่งเครื่องบินกันเมามันเลยครับ
กลับมาโอลิมปิกปีนี้ดีกว่า ที่ลอนดอนเขาเตรียมตัวมาเกือบ 10 ปีแล้วล่ะครับที่จะต้อนรับมหกรรมระดับโลกอย่างนี้ ต้องมี Olympic Park ที่มีของเล่นไว้ล่อลวงให้ต้องแวะไปเยี่ยมชมนะครับ คราวนี้เขาจัดที่ Stratford อยู่ทางตะวันออกของลอนดอนนะครับ ไม่ใช่ Stratford-upon-Avon นะครับ เดี๋ยวไปผิดแทนที่จะได้ดูโอลิมปิก กลายเป็นไปเยี่ยมบ้านเชกสเปียร์เฉยเลย สนุกไปอีกแบบ เพื่อนผมที่อยู่ลอนดอนบอกว่าถ้าพักในลอนดอนให้ขึ้นรถไฟ Jubilee Line ไปสุดทางเลยครับที่ Olympic Park มี Orbit ซึ่งเป็นหอชมวิว ที่สร้างขึ้นเฉพาะงานนี้โดยเฉพาะ ว่ากันว่าเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่สูงที่สุดในอังกฤษเลยครับ สูงถึง 115 เมตรเลยล่ะครับ ขึ้นไปแล้วจะเห็น Olympic Stadium และ วิวของลอนดอนทั้งหมดเลยล่ะครับ
ใน Olympic Park นี่เขาบอกว่ามี attraction ให้ชมเยอะแยะ เป็น Exhibition ของศิลปินอังกฤษเขามาสร้างไว้ให้ชม เดินกันทั่ว Park อาจใช้เวลาหน่อยครับ แต่น่าสนนะครับ แล้วทางการเขาก็แจ้งมาอีกครับว่ามี London Festival คือ มีการแสดงหลากหลายรูปแบบนับพันโชว์เป็นเวลา 12 สัปดาห์ตามที่ต่างๆ ในอังกฤษ ทั้งคอนเสิร์ต บั้นจี้จั้มแดนซ์ ฟิล์มเฟสติวัล ละครเวทีแนวโมเดิร์น และแนวเชกสเปียร์ เยอะแยะไปหมด เลือกดูกันไม่หวาดไม่ไหว ที่สำคัญคือ “ฟรี ฟรี ฟรี” เนื่องจากเขาเพิ่งเริ่ม Festival ได้ 2-3 วัน นี้เอง เลยไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าผมจะไปลอนดอนตอนนี้ก็เพราะอยากไปดูไอ้บั้นจี้จั้มแดนซ์นี่ล่ะครับ เห็นเขาบอกว่าจะตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเป็น aerial show สายของผมที่อังกฤษก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสำรวจมาให้ แต่ผมต้องส่งต้นฉบับแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะอลังการงานสร้างแค่ไหน ใครไปเห็นมาแล้วอีเมลมาเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ เรื่องท่องเที่ยวในลอนดอนและที่อื่นๆ ในอังกฤษนี่ ผมก็ไม่อยากเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนให้กับท่านผู้อ่านของผมหรอกนะครับ แต่ก็อดไม่ได้ที่ต้องทำลิสต์ไว้ให้หน่อยสำหรับที่ๆ ยังไงๆ ก็ต้องไปอย่างพวกพิพิธภัณฑ์ถ้าไม่ได้ไปนานแล้วก็ไปอัพเดทตัวเองสักหน่อยคงดีนะครับ อย่างพิพิธภัณฑ์ Madame Tussauds เขามีรูปปั้นใหม่ๆ มาเสมอนะครับ ถ้าจะไปควรจองตั๋วออนไลน์ จะได้ส่วนลดเยอะครับบรอดเวย์โชว์ยังมีอยู่นะครับ อยากจะดูฮ๊อตฮิตอย่าง Mama Mia และ Billy Elliot หรือ คลาสิคอย่าง The Lion King และ Les Miserable ก็ยังมีอยู่นะครับ จองตั๋วดีๆ เบื่อกีฬาแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ได้นะครับ พวก Comedy ก็มีเยอะนะครับ เลือกเอาตามใจ แต่เสียดายที่ Noises Off เลิกเล่นไปก่อนซะแล้ว ไม่อย่างงั้นผมลุ้นให้ไปดูเต็มที่เลยครับ เพราะตลกคลายเครียดได้ดีจริงๆ
ใครอยากออกนอกเมือง ลองไป Isle of Wight ก็ไม่เลวนะครับ มีครบทุกรส สำหรับทุกเพศ ทุกวัย เหมือนไป Disneyland ผสม Universal Studio เลยล่ะครับ แต่อาจจะคลาสสิคกว่าครับ แต่มันไม่เก๋แบบฮอลลิวู้ด Isle of Wight เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจที่คนอังกฤษชื่นชอบมากครับ อาจจะเป็นเพราะเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และอยู่ห่างจากลอนดอนเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นก็เป็นได้ทำให้พอว่างก็ไปเที่ยวกัน เกาะนี้เขาจะมีส่วนที่เรียกว่า Chine คือ หุบเขาที่เป็นทางนํ้าไหลลงทะเล ที่ Isle of Wight มี Chine หลายที่มากครับ ซึ่งเขาก็นำมาทำเป็น Park ให้เดินเล่น Chine ที่มีชื่อเสียงของเขาก็ Blackgang Chine เป็นกึ่งๆ สวนสนุก มีทั้ง Roller Coaster, Rumpus Mansion บ้านโบราณที่มีตัวประหลาดในเทพนิยาย, Fantasyland ที่เป็นบ้านพ่อมด, Water Garden, มีเกมงูตกบันไดขนาดใหญ่ให้คนขึ้นไปเล่นได้ โอ้ยเยอะแยะครับ เรียกว่าเพลินทั้งวันเลย หลานๆ ผมชอบไปกันมากเลยครับ อีกที่คือ Shanklin Chine ใครที่ชื่นชมธรรมชาติ มาที่นี้จะติดใจ ต้นหมากรากไม้ของเขาสีสันสวยงามคนละแบบกับบ้านเรา สวยถึงขนาดกวีอย่าง Keats ต้องเขียนชม และศิลปินอย่าง Thomas Rowlandson และ Samuel Howitt ต้องวาดภาพไว้ ถ้ามีโอกาสต้องไปดูให้ได้นะครับ
เอาละครับพอหอมปากหอมคอกันแค่นี้นะครับ สำหรับการเที่ยวอังกฤษช่วงลอนดอนเกมส์ ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็ขอให้สนุกนะครับสำหรับผมขอส่งกำลังใจผ่านจอทีวีไปพลางก่อนนะครับ

สานฝันสู่โอลิมปิก Olympic Hopefuls


ลอนดอนเกมส์ปีนี้ นักกีฬาไทยของเราคึกคักเป็นพิเศษ หลายสมาคมกีฬาซุ่มฟิตนักกีฬาในสังกัดอย่างเต็มที่ ไอเกิล มีโอกาสได้คุยกับทีมนักกีฬาเทควันโดทีมชาติที่จะไปเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
ใครจะรู้บ้างว่าการจะได้รับเลือกไปแข่งกีฬาแต่ละประเภทนั้น ต้องได้โควต้าจากการแข่งขันนั้นๆ จะได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับชนิดของกีฬาและผลงานของนักกีฬาด้วยนะคะ สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยและนักกีฬาเทควันโดของเราได้สร้างผลงานไว้มากมายเลยทีเดียว ทำให้สามารถคว้าโควต้าไปแข่งขันในครั้งนี้ได้ถึง 3 รุ่น
คุณพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยอธิบายให้เราฟังว่า กีฬาเทควันโดไม่ได้มีโควต้ามากนัก แต่ละประเทศได้แค่ 4 คนเท่านั้น เราได้มาถึง 3 คน นับว่าเกือบเต็มพิกัดเลยทีเดียว ชึ่งน้องๆ นักกีฬาคนเก่งของเราแต่ละคน กวาดรางวัลระดับนานาชาติมาครองแล้วทั้งนั้น แต่โอลิมปิกเรียกได้ว่าเป็นความฝันอันสูงสุดของพวกเขาล่ะคะ เรามาฟังกันดูซิว่าน้องๆ เขาเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง
คนแรก “ไอ” เป็นเอก การะเกตุ พี่ใหญ่ของทีม ปีนี้อายุ 22 ปี แล้ว เรียนอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่เบาเลยทีเดียวนะคะ ไอ เล่นเทควันโดมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบเลย เรียกว่าปลูกฝังแต่เล็ก  “ทีแรกผมก็เล่นกีฬาทั่วๆ ไปครับ ฟุตบอลก็เคยเล่น ตะกร้อก็เคยเล่นเหมือนกัน แต่พอมาเล่นเทควันโดแล้วไปได้ดี เลยเล่นมาตลอด พอเล่นไปเล่นมาแล้วดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มมีเป้าหมาย มีความฝัน เลยเล่นต่อๆ มา ก็ 10 กว่าปีแล้วครับ ”

ไอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะเป็นคนที่มีจังหวะและไหวพริบในการเล่นดี จึงทำให้ได้เปรียบในการเล่น ซึ่งไอบอกว่าเคล็ดลับ คือ การ ซ้อมให้มาก “พวกผมซ้อมกันวันละ 5 ชั่วโมงครับ เช้า 2 ชั่วโมงก่อนไปเข้าเรียน จะเป็นการเล่น weight  เพื่อฟิตให้ร่างกายแข็งแรงและมีความพร้อม และเย็นอีก 3 ชั่วโมงหลังเลิกเรียนจะเป็นด้านเทคนิคที่ทางโค้ชมาช่วยฝึกสอน  ผมเป็นคนตัวเล็กเลยต้องเล่น weight ให้มากจะได้แข็งแรง” เรียกได้ว่าถ้าไม่อึดจริงคงไม่สามารถเล่นมาได้นานขนาดนี้
ไอฝากให้กำลังใจท่านผู้อ่านไอเกิลทุกท่านให้ออกกำลังกายกันบ้าง “ผมคิดว่าคนเราทุกคนเวลาทานอะไรเข้าไปแล้ว มันต้องขับออกมาบ้าง ถ้าเราทานอย่างเดียวทั้งชีวิต แต่ไม่ออกกำลังบ้าง ร่างกายก็จะสะสมโรคภัยไข้เจ็บได้ ส่วนน้องๆ รุ่นหลังผมๆ ก็อยากจะบอกว่าการเล่นกีฬานี่ดีจริงๆ ได้เจอเพื่อน สนุกกับเพื่อน ได้ฝึกร่างกายเราด้วย คือ มีประโยชน์หลายอย่างถ้าจะเล่นอะไรก็ขอให้เล่นให้เต็มที่”
ไอเสริมว่าตัวเองเคยท้อเหมือนกัน เพราะทั้งเรียน ทั้งต้องฝึกหนัก แต่แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ดี เคล็ดไม่ลับขิง ไอ คือ การสวดมนต์ทุกคืน น้องๆ ที่อ่าน ไอเกิล สวนมนต์ทุกคืนเหมือนพี่ไอหรือเปล่า
คนต่อไป “น้องเล็ก” ชนาธิป ซ้อนขำ น้องเล็กเล่นเทควันโดมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ปัจจุบันศึกษาอยู่ปี 4 คณะเวชศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกได้ว่ากีฬานี้อยู่ในสายเลือดโดยแท้จริงเมื่อครั้งไปแข่งขันคัดเลือกโอลิมปิก ปลายปีที่ผ่านมานั้น น้องเล็กคว้าเหรียญทอง โซนเอเชีย ในรุ่น 49 กก.หญิง มาครองได้อย่างสมภาคภูมิ ทำให้ได้รับ Golden Ticket ไปลอนดอนเกมส์ทันทีเลยทีเดียวเชียว
น้องเล็กบอกว่าต้องควบคุมอาหารตลอดเวลาไม่ให้น้ำหนักเกินรุ่นของตัวเอง “ช่วงแข่งขันต้องมีการจัดอาหารใหม่หมดมีอาจารย์โภชนาการ กับ โค้ชช่วยแนะนำ บางทีก็ต้องลดมื้ออาหารบ้าง ลดไขมัน ลดของหวาน และทานผักเยอะๆ และเล่น weight เสริมกล้ามเนื้อ ค่ะ”
น้องเล็ก ยังฝากมาด้วยว่า “สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เป็นการยืดอายุให้ยืนยาวมากขึ้น เพียงแค่ลุกขึ้นเดินบ้าง ก็ถือว่าเป็นการบริหารร่างกาย ดีกว่าการนั่งดูทีวีเฉยๆ อย่างเดียว  การรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ผัก ผลไม้ เยอะๆ นะคะ จะได้มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ค่ะ”
คนสุดท้าย คือ “น้องจูน” รังสิญา นิสัยสม อายุ 18 ปี เป็นน้องนุชสุดท้องของครอบครัวและของทีมเทควันโดเลยค่ะ น้องจูน เริ่มเล่นเทควันโด ตั้งแต่อายุ 11 ปี ปัจจุบันเรียนอยู่ ปี 1 คณะบริหารการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
น้องจูนบอกว่าชอบเล่นกีฬาทุกประเภท แต่พอดีมีเพื่อนเล่นเทควันโด มาเตะโชว์ รู้สึกว่าเท่ห์ดี ก็เลยลองเล่นดูบ้าง พอเล่นแล้วรู้สึกชอบบวกกับพรสวรรค์ จึงเล่นเทควันโดมาตลอด คุณพ่อคุณแม่ก็ให้การสนับสนุน ช่วยบำรุงร่างกายทุกอย่าง ทั้งอาหารและวิตามินอะไรดี หามาให้น้องจูนหมด
น้องจูน คว้าตำแหน่งแชมป์โลก มาครองเมื่อปีที่แล้วไปหมาดๆ คว้าโควต้าไปลอนดอนเกมส์ ในรุ่น 57 กก.หญิง ได้อย่างสบาย ก็มีท้อและเครียดบ้าง แต่การเล่นกีฬาต้องมีแพ้และชนะ แต่ก็จะทำอย่างสุดฝีมือค่ะ
น้องจูนฝากถึงน้องๆ เพื่อนๆ ว่า “การเล่นกีฬา ได้ทั้งการออกกำลังกาย ได้กล้ามเนื้อและสมาธิ อยากชวนให้น้องๆ หันมาเล่นกีฬา นอกจากจะได้กับตัวเองแล้ว ก็ยังอาจสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้อีกด้วยนะคะ”
เทควันโด เป็นกีฬาการต่อสู้ที่ต้องปะทะกัน ทำให้ผู้เล่นเจ็บตัว และร่างกายได้รับบาดเจ็บได้ง่าย หากใจไม่รักจริง ความอดทนไม่สูงพอ คงยากที่จะก้าวไปสู่ความฝันดังที่ตั้งใจไว้ เมื่อเห็นความอดทนและพยายามฝึกซ้อม พร้อมทุ่มเททั้งกายใจของน้องๆ ทั้ง 3 คนแล้ว ทีมงานขอบอกได้เลยค่ะว่า เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยทั้งประเทศจริงๆ ค่ะ
ไอเกิล ขออวยพรให้น้องๆ ทุกคนประสบความสำเร็จและสมหวังในที่สิ่งที่รอคอย ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถส่งกำลังใจไปเชียร์น้องๆ ทั้ง 3 คนได้นะคะ น้องไอ เป็นเอก การะเกตุ แข่งรุ่น 58 กก.ชาย น้องเล็กชนาธิป ซ้อนขำ รุ่น 49 กก.หญิง และ น้องจูน รังสิญา นิสัยสม รุ่น 57 กก.หญิง จะเริ่มแข่งขัน 8-11 สิงหาคมนี้ สู้ๆ ค่ะ

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

VO2MAX คืออะไร




VO2 Max ( อ่านว่า วี-โอ-ทู-แมก ) เป็นคำศัพท์ ที่ใช้อธิบายการทดสอบสมรรถนะร่างกายแบบหนึ่ง ที่ใช้กันมากในทางการแพทย์ และ เวชศาสตร์การกีฬา คือ เป็นการวัดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้อ็อกซิเจน ของร่างกาย ว่า ร่างกายของผู้ถูกทดสอบ มีความสามารถที่จะดึงอ็อกซิเจน จากอากาศ มาผสมกับเลือดเพื่อส่งไปยังกล้ามเนื้อต่างๆได้สูงสุดแค่ไหน โดยทางทฤษฎี คนที่มีค่า VO2 Max มาก แสดงว่ามีความสามารถในการออกกำลังการแบบใช้อ็อกซิเจน(Aerobic exercise)ได้ดีกว่า ดังนั้น ค่า VO2 Max จึงใช้เป็นตัวบ่งชี้ระดับความฟิตของร่างกายได้ โดยทั่วไปจะใช้เป็นตัวบ่งชี้ระดับความทน(ความอึด: Endurance performance)

การประเมิน O2 ที่ใช้ระหว่างการออกกำลังจะประเมินเป็นจำนวนเท่าของปริมาณ O2 ที่ใช้ขณะพัก โดยกำหนดการใช้ O2 ขณะพักมีค่าเท่ากับ 1 MET (Metabolic Equivalent) ซึ่งมีค่าเท่ากับ ออกซิเจน 3.5 ml ต่อนํ้าหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อ 1 นาที ค่า maximal oxygen consumption (VO2 Max) VO2 Max จะขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ขนาดของร่างกาย ระดับการออกกำลังกาย สภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด และกรรมพันธุ์ โดยทั่วไปค่า VO2 Max จะสูงเมื่ออายุ 15-30 ปี และจะค่อยๆลดลงตามอายุ

ขณะที่มีการออกกำลัง กล้ามเนื่อต้องการอ็อกซิเจนเป็นแหล่งพลังงาน เมื่อมีการออกกำลังเป็นเวลานานๆ หรือ ต้องการใช้ประสิทธิภาพของกล้ามเนื่อจนถึงขีดสูงสุด แหล่งพลังงานหลัก คือ อ็อกซิเจน จากอากาศไม่เพียงพอ ร่างกายจะเริ่มนำพลังงานจากแหล่งอื่นมาใช้ทางขบวนการที่ไม่ใช้อ็อกซิเจน(Anaerobic metabolism) ซึ่งจะทำให้เกิดของเสียที่ทำให้กล้ามเนื้อมีอาการปวด เมื่อยล้า นั่นคือ กรดแลกติก

การทดสอบ VO2 Max ผู้ถูกทดสอบจะออกกำลังจนถึงขีดสุดที่ไม่สามารถเพิ่มแรงต้าน หรือการเต้นของหัวใจได้อีก ทำการวัดระดับการใช้ก็าซอ็อกซิเจน  ซึ่งที่จุดนี้ร่างกายจะเริ่มใช้พลังงานแบบไม่ใช้อ็อกซิเจน เป็นจุดที่สามารถวัดระดับ Lactic threshold และ Anaerobic Threshold ได้โดยการเจาะเลือดเป็นระยะๆเพื่อหาค่าของกรดแลคติก ในกระแสเลือด ค่า VO2 Max จะทำให้นักกีฬาทราบถึงขีดสมรรถนะสูงสุดของตัวเอง เพื่อที่จะวางแผนการฝึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเองในอนาคต




โรงพยาบาลสมิตเวช สุขุมวิท
Call Center : 02-711-8181
info@samitivej.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สัมมนา " มหันตภัย เส้นเลือดหัวใจตีบ"



เชิญร่วมฟังสาระน่ารู้เรื่อง " มหันตภัย เส้นเลือดหัวใจตีบ" โดย แพทย์หญิงเยาวลักษณ์ เชื้อไผ่  อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
  • ตรวจหาระดับไขมันคอเลสตอรอลในเลือดที่ปลายนิ้ว (กรุณางดน้ำและอาหาร 8-12 ชั่วโมง) ฟรี
  • รับประเมินโอกาสเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบรุนแรงในช่วง10ปี ฟรี
  • เสวนามหันตภัย เส้นเลือดหัวใจตีบ โดย  แพทย์หญิงเยาวลักษณ์ เชื้อไผ่  อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ
  • ช่วงเคล็ดไม่ลับ...การมีสุขภาพดีกับดารารับเชิญ คุณน้ำฝน กุลณัฐ เสวนา หัวข้อ ออกกำลังกายอย่างไรให้หัวใจได้คาร์ดิโอ
  • Body Exercise สอนออกกำลังกายโดยวิธีโยคะ By Fitness First
  • Music Therapy : Mini Concert เพลงฟังสบายทั้งเพลงไทยและเพลงสากล โดย ศิลปินมืออาชีพ
ร่วมชิม ช้อปสินค้าสุขภาพและความงามแบรนด์ดัง ลดสูงสุด 50 %
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งโทร. 0-2378-9000 (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
พิเศษ! ลุ้นรับรางวัลพิเศษในงาน
วันเริ่มงาน
08 ก.ย. 2555
เวลา
08.30-13.00 น.
สถานที่
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://ow.ly/dc3eU

ร่วม Workshop สวย...สบายผิว โยคะ...สบายครรภ์



เพื่อประสบการณ์ที่ดี และเป็นช่วงเวลาแห่งครรภ์คุณภาพของคุณแม่
สวย...สบายผิว
โยคะ...สบายครรภ์


มาร่วม Workshop โยคะสบายครรภ์ ให้คุณแม่ฝึกร่างกาย และจิตใจผ่านศิลปะเพื่อผ่อนคลายความกังวล เตรียมความพร้อมดูแลลูกในครรภ์ พร้อมกับการดูแลสุขภาพของคุณแม่
Workshop สวยสบายผิวกับวิธีนวดบำรุงขา ช่วยให้ผิวคุณแม่รู้สึกสบาย จากผลิตภัณฑ์ Burt's Bees
พร้อมคำแนะนำดีๆ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ในประเด็น สุขภาพผิวของคุณแม่ตั้งครรภ์

ในวันที่ 15 ก.ย. 2555
เวลา 09.00 am. - 12.30 am.
สถานที่ ณ ห้องประชุมบัญชาล่ำซำ อาคาร 2 ชั้น 6  
(ไม่เสียค่าใช้จ่าย )

โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://goo.gl/8Wbm9

ออกกำลังกาย ให้เบาใจกับเบาหวาน




"โรคเบาหวาน" เป็นโรคที่รู้จักกันดีว่าเป็นโรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 126 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และยิ่งมีค่าสูงเท่าใดก็แสดงว่ามีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น การรักษาโรคเบาหวานนั้น แพทย์จึงต้องการความร่วมมือจากคนไข้ในการดูแลสุขภาพของตนเอง ซึ่งนอกจากการควบคุมอาหารและการทานยาแล้ว การออกกำลังกายก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะมีประโยชน์ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ และมีระบบการเผาผลาญพลังงานที่ดีขึ้น ลดระดับไขมันในเลือด ความดันโลหิตสูง และความอ้วนอันเนื่องมาจากโรคเบาหวาน และยังมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ผู้ที่เป็นเบาหวานควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งเป็นการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่โดยขยับร่างกายอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ เช่น เดิน วิ่งเหยาะ ขี่จักรยาน ออกกำลังกายในน้ำ เต้นแอโรบิก เต้นลีลาศ โดยทำอย่างน้อยที่สุด 3 วันต่อสัปดาห์ วันละ 10 - 30 นาทีแบบต่อเนื่อง โดยควรเริ่มจากเวลาน้อย ๆ ทำแบบเบา ๆ ก่อนเพื่อให้ร่างกายได้มีการปรับตัว ขั้นตอนการออกกำลังกายแบบแอโรบิค มี 3 ระยะ ดังนี้


1.  ระยะอุ่นเครื่องเพื่อเตรียมกล้ามเนื้อ  ( 5 นาที) ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ  และกายบริหารเบาๆ

2.  ระยะออกกำลังกาย (15-30 นาที)  ระดับความหนักเป้าหมายคือ  ชีพจรเต้นเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 60 %  ของอัตราชีพจรสูงสุด แต่ไม่เกิน  90 %,  อัตราชีพจรสูงสุด  = 220 – อายุ

3.  ระยะผ่อนคลาย (5 นาที)  ผ่อนระดับการออกกำลังกายลงช้าๆ จนหยุดเมื่อคุณเริ่มต้นออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอแล้ว คุณก็จะอยู่กับเบาหวานได้อย่างเบาใจยิ่งขึ้น 


Life Center อาคาร 1 ชั้น 2
โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท โทร 02-7118749-50

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตามัวอาจเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตา



ตามัวอาจเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตา
  - การมองเห็นของคุณ มีปัญหาหรือไม่?
  - เห็นภาพบิกเบี้ยว
  - มีแสงวาบ คล้ายฟ้าแลบในดวงตา
  - ตามัว เห็นเงาดำในตา
  - เห็นอะไรเล็กๆ คล้างแมลงเล็กๆ บินอยู่ตรงหน้า

คุณอาจมีความเสี่ยงต่อ "โรคจอประสาทตา [Retina]"
อาทิ โรคจอประสาทตาเสื่อม จอประสาทตาฉีกขาด เบาหวานขึ้นตา ฯลฯ ส่วนใหญ่จะไม่ปรากฎอาการจนมีอาการมาแล้ว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งมีความเสี่ยงสูง รวมถึงผู้ป่วยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท เส้นเลือด ผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ผู้ใช้ยาบางชนิดมานาน เช่น ยากดภูมิ จึงสำคัญมากที่ผู้ป่วยที่อาการดังกล่าวข้างต้น จะต้องได้รับการตรวจจอประสาทตาทันที หากปล่อยไว้โดยไม่รีบรักษาอาจส่งผลให้ตาบอดอย่างถาวรได้ ดังนั้นควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาและป้องกันก่อนสายไป

Innovation
เครื่องแรกในโรงพยาบาลฯเอกชน
เครื่องถ่ายภาพโดยใช้แสงเลเซอร์ร่วมกับการฉีดสี
Fluorescein และ Indocyanine Green Angiography
สามารถช่วยตรวจรักษาปัญหาจอประสาทตาได้อย่างตรงจุด พร้อมตรวจดูเส้นเลือดที่ผิดปกติ และภาวะผิดปกติของจอประสาทตา สามารถให้ภาพคมชัดโดยใช้แสงเลเซอร์ถ่ายภาพ และสามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพตัดขวางของจอประสาทได้ เพื่อให้ผลการวินิจฉัยที่แม่นยำขึ้นกว่าเครื่องถ่ายภาพฉีดสีรุ่นก่อน รวมทั้งยังมีความรวดเร็วและปลอดภัย



จักษุคลินิก   ชั้น 4, อาคาร 2
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
133 สุขุมวิท 49 วัฒนา กรุงเทพฯ 10110

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มาเลิกบุหรี่กันดีกว่าครับ

บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่เป็นปัจจัยให้เกิดโรคที่ทำให้เสียชีวิต ประมาณ 20% ของการเสียชีวิต สัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ โดยเฉลี่ยแล้วผู้สูบบุหรี่เสียชีวิตเร็วกว่าที่ควร 7-8 ปี และเป็นสาเหตุให้เป็นเกิดที่ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง
บุหรี่นอกจากจะทำลายปอดแล้ว ยังทำลายเส้นเลือดทั่วร่างกาย และเป็นสาเหตุของมะเร็งหลายชนิดได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งคอ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งไต

บุหรี่นอกจากจะทำร้ายตัวคุณเองแล้ว ยังทำร้ายคนรอบข้างของคุณ เด็กที่มีคนในครอบครัวสูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหอบหืดมากขึ้น 25% และเมื่อมีอาการหอบหืดอาการก็จะรุนแรงกว่าด้วย ส่วนคนอื่น ๆ ที่เป็น second hand smoker ก็มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเช่นเดียวกับคุณ

อะไรบ้างที่อยู่ในควันบุหรี่
ในควันบุหรี่มีสารเคมีมากกว่า 4700 ชนิด มากกว่า 60 ชนิดเป็นสารที่ทำให้ก่อมะเร็งได้เช่น
Acetone ส่วนของน้ำยาล้างเล็บ
Ammonia น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ
Arsenic ยาเบื่อหนู
Butane พบในไฟแช็ค
Cadmium ส่วนผสมของสี
Carmonoxide ควันไฟ
Formaldehyde ยาดองศพ
Nicotine ส่วนผสมของยาฆ่าแมลง
รู้อย่างนี้แล้วเรามาเลิกบุหรี่หรือชวนให้คนในครอบครัวเลิกบุหรี่ดีกว่า

Fact ที่ควรรู้
1. บุหรี่ไม่ว่าชนิดใด ปริมาณน้อยแค่ไหน ก็มีผลต่อสุขภาพของคุณ ถ้าคุณลองสูบบุหรี่แม้ว่าเพียงเล็กน้อย ถ้าคุณจะงดบุหรี่โดยการค่อย ๆ สูบให้ลดลง จะเป็นวิธีที่คุณจะไม่สามารถหยุดได้ และในที่สุดคุณก็จะกลับไปสูบปริมาณเท่าเดิม
2. เรื่องความตั้งใจอาจจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณเลิกบุหรี่ ลองเริ่มต้นด้วยการเขียนบันทึกว่าทำไมคุณต้องการหยุดบุหรี่เพื่อตอกย้ำความตั้งใจของคุณ
• ต้องการจะควบคุมชีวิตจองตัวเองได้
• ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น
• เพื่อลูก เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีกับลูก
• เพื่อครอบครัวและคนใกล้ชิด
ความตั้งใจที่เลิกบุหรี่อย่างจริงจังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณทำได้สำเร็จ อย่ารอให้คุณเป็นโรคหัวใจ หรือโรคปอดเสียก่อนแล้วคุณค่อยเลิกบุหรี่
3. การเลิกบุหรี่เป็นสิ่งที่ต้องการความพยายามอย่างสูง การติดบุหรี่เป็นเรื่องการนิสัย ครึ่งหนึ่งของการเลิกบุหรี่สำเร็จคือความตั้งใจของคุณ ซึ่งเกิดจากความรู้ว่าคุณต้องเรียนรู้ถึงความสำคัญในการเลิกบุหรี่ เรียนรู้ถึงอาการที่จะเกิดขึ้นในขณะที่กำลังเลิก เช่นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกอยากบุหรี่ ยังมีอีกหลายทางที่จะช่วยคุณ ไม่ว่าจะเป็นหมากฝรั่งที่จะช่วยลดบุหรี่ หรือแผ่น nicotine ติดผิวหนัง คุณอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าที่จะผ่านอาการเหล่านี้ไปได้
4. คนครึ่งหนึ่งที่เคยสูบบุหรี่สามารถเลิกสูบได้ คุณก็สามารถหยุดได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของคุณ
5. ถ้าคุณคิดว่ายากเกินไปที่จะเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง ขอความช่วยเหลือจากแพทย์ กลุ่มหรือเครื่องมืออื่น ๆ ในการช่วยหยุดบุหรี่

-คนสูบบุหรี่มักจะสูบในพฤติกรรมหรือสถานการณ์บางอย่าง เช่นหลังอาหาร เวลาไปเที่ยว นั่งดูโทรทัศน์ ลองทำรายการสิ่งแวดล้อมหรือพฤติกรรมกระตุ้นที่ทำให้คุณสูบบุหรี่
-หากิจกรรมอย่างอื่นทำ แทนที่จะสูบบุหรี่ เช่นคุณสูบบุหรี่ในรถ ให้เปลี่ยนเป็นฟังเพลง
-ทำปฏิทินการหยุดสูบบุหรี่ วางแผนล่วงหน้าก่อนหยุด บอกเพื่อน ผู้ร่วมงานและครอบครัวของคุณให้รู้ และช่วยให้คุณหยุดบุหรี่ได้
-คืนก่อนวันเริ่มหยุด ทิ้งบุหรี่ให้หมดรวมทั้งที่ซ่อนไว้ ทิ้งที่เขี่ยบุหรี่ไฟแช็คออกไป เตรียมลูกอมหรือหมากฝรั่งแบบไม่มีน้ำตาลไว้แทน หากต้องการใช้ยาช่วยปรึกษาแพทย์ไว้ก่อนถึงวิธีการใช้และผลข้างเคียง

-สองสามวันแรกจะเป็นเรื่องยากในการหยุดบุหรี่
อาการที่จะเจอได้แก่

อยากบุหรี่: มันจะมาเป็นระลอก ๆ ขอแค่ทนไม่กี่นาที มันก็จะผ่านไป หากิจกรรมอื่น ๆ มาเบี่ยงเบนความสนใจ เตือนตัวเองบ่อย ๆ หรือจะสวดมนต์ ทำสมาธิก็ได้

ไม่มีสมาธิทำงาน: ลองปล่อยสบาย ๆ ลองเปลี่ยนหัวเรื่องงานที่ทำไปทำอันที่ง่าย ๆ ก่อน หรือพักระยะสั้น ๆ

เครียด กระสับกระส่าย: ออกไปเดินในสวน ฟังเพลงเบา ๆ หรือทำงานอดิเรกที่ตัวเองชอบ

หงุดหงิดง่าย : ลองถอยห่าง พักออกจากปัญหาที่เจอ ฝึกการหายใจเข้าออก เบา ๆ ช้า ๆ ลึก ๆ

นอนไม่หลับ: ทำสมาธิ ดูลมหายใจ หาเครื่องดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอน

ท้องผูก: ทานอาหารที่ไฟเบอร์ให้มากขึ้น ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร

ลองใช้หลัก 5D
Drink water
Deep breathe
Do something else
Discuss
Delay

ถ้าคุณสามารถผ่านช่วงสองสัปดาห์แรกไปได้ แสดงว่าคุณได้ผ่านช่วงที่ลำบากที่สุดไปแล้ว ลองพยายามต่อไป เพื่อตัวคุณเองและคนในครอบครัวนะครับ
หมอหมีเชื่อว่าถ้าคุณตั้งใจจริง คุณจะเลิกสูบบุหรี่ได้

จาำก www.facebook/drcarebear

ไมเกรน ตอน 2 กลุ่มยารักษาไมเกรน

โรคไมเกรน เป็นโรคที่พบได้บ่อย และเป็นโรคที่ทำให้เกินอาการปวดศึรษะแบบรุนแรง อาการปวดบางครั้งรุนแรงจนไม่สามารถทำงานต่อได้ ต้องหยุดทำงาน เวลาปวดอาจปวดแบบตุ๊บ ๆ ตามจังหวะชีพจร หรือปวดบีบ ๆ อาจจะสัมพันธ์กับแสงหรือเสียงที่จะมากระตุ้น บางรายจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย หรือบางรายจะเห็นเป็นแสงแวบ ๆ หรือที่เรียกว่า Aura

บทความเกี่ยวกับยานี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ซื้อหายาเอง หรือปรับยาเอง เพียงเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่เป็นไมเกรนเท่านั้น เพราะยาแต่ละกลุ่มแต่ละตัว มีผลข้างเคียง มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ยาสำหรับไมเกรน ไม่ได้ช่วยให้รักษาให้หายขาด แต่สามารถลดอาการปวดลงได้ และอีกกลุ่มจะใช้ในการป้องกันการเกิดไมเกรน

การตอบสนองต่อยาแก้ปวดไม่แน่นอน บางคนให้เพียง Paracetamol อาการก็ดีขึ้น บางคนต้องใช้ยาที่แรงขึ้นเช่นกลุ่ม NSAIDS เช่น Ponstan, Ibruprofen หรือ Naproxen โดยยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์เพียงเพื่อลดอาการปวดเท่านั้น

อาการของไมเกรนเกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือกในสมอง จึงมีการใช้ยาในกลุ่มที่ชื่อว่า Triphans เพื่อช่วยในการหดตัวของเส้นเลือด และช่วยลดกลไกในการเกิดวงจรทางเคมีที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรน

ดังนั้นแนวทางในการรักษาไมเกรนจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีการปวดรุนแรงทุกสัปดาห์ หรือยาไม่สามารถช่วยลดอาการปวดได้
แต่ในปัจจุบันยังไม่มียาที่ออกฤทธิ์โดยตรงในการป้องกันการเกิดไมเกรน แต่มียาหลายตัวที่ออกฤทธิ์ช่วยได้บ้างเช่นยากลุ่ม antidepressant (ยาสำหรับภาวะซึมเศร้า) antiseizure (ยากันชัก)

ชนิดของกลุ่มยารักษาไมเกรน
กลุ่มแรก กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ใช้รักษา เมื่อเริ่มมีอาการพยายามเริ่มยาแต่เนิ่น ๆ จะได้ผลดีกว่า
กลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่ป้องกันการเกิดไมเกรน

กลุ่ม NSAIDS
ยาที่มีจำหน่ายทั่วไปสำหรับอาการปวดคือ ไม่ว่าจะเป็น Ponstan, Naproxen, Brufen
กลุ่มนี้ต้องระวังเรื่องการกัดกระเพาะ ควรทานหลังอาหารทันที
บางคนไม่สามารถทานได้เนื่องจากอาการแพ้

กลุ่ม Ergot alkaloid
เช่น Cafergot จะมีฤทธิ์ในการทำให้เส้นเลือดหดตัว constrict blood vessel แต่บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจากยากลุ่มนี้ได้

กลุ่ม Triptans
กลุ่มนี้จะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัวเช่นกัน ที่รู้จักกันดีคือ Zolmitriptan (Zomig) แต่เป็นยาที่ราคาแพงมาก แต่เป็นกลุ่มที่มีประสิทธิภาพดี มีผลช่วยในการป้องกันการเป็นซ้ำได้ ถือว่าได้ผลดีกว่ากลุ่ม Ergot

บางครั้งจะมีการให้ยา antihistamine หรือยาแก้แพ้ร่วมด้วย ในขณะที่มีอาการปวดมาก ๆ

กลุ่มยาที่ลดความดัน ยากันชัก ยาลดอาการซึมเศร้า อาจมีการนำมาใช้ในการป้องกันการเกิดไมเกรน แต่ต้องมีการปรับยาโดยแพทย์ผู้เชียวชาญเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี กลุ่มนี้เช่น Propanolol(inderal) Nortriptyline(nortilen) sertaline (Zoloft)

หลายคนต้องทานยาพร้อมกันหลายชนิด หลายคนทานยาแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น แม้กระทั่งหมอบางคนก็ยังต้องทนกับอาการปวดหัว แต่มีบางคนไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระวังเรื่องความเครียด นั่งสมาธิ อาการปวดหัวพวกนี้ก็ดีขึ้น
ดังนั้นอย่าหวังพึ่งแต่ยานะครับ พฤติกรรมก็เป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ

จาำก www.facebook/drcarebear

Travel first aid kit เตรียมเที่ยวทางไกลให้พร้อม

ช่วงนี้หลายคนคงมีแผนสำหรับการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง เลยอยากเพิ่มการเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวว่าจะต้องเตรียมตัวด้านสุขภาพยังไงกันบ้าง

สามขั้นตอนง่าย ๆ นะครับ 3P Planning Prepare Protect

1. Planning เมื่อรู้จุดหมายปลายทางแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมคือ รู้ว่าประเทศที่จะไปมีโรคติดเชื้ออะไรที่ต้องระวังหรือไม่ ต้องมีการเตรียมตัวฉีดวัคซีนหรือเปล่า เช่น ไปแอฟริกา ต้องฉีดวัคซีน Yellow fever หรือไปเที่ยวอินเดีย หรือถิ่นทุรกันดารต้องฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ บี และไทฟอยด์ เป็นต้น โดยการเตรียมตัวพวกนี้ต้องเตรียมวางแผนล่วงหน้า 4-6 สัปดาห์
ข้อมูลของแต่ละประเทศที่จะไปสามารถเช็คได้ที่ www.cdc.gov/travel

2. Prepare เตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์และยาต่าง ๆ ให้พร้อม travel health kit
ยาที่จะต้องเตรียมไป ได้แก่
-ยาประจำตัว สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว โดยที่ก่อนไปปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่านว่าต้องมีข้อควรระวังเป็นพิเศษหรือไม่ และต้องเตรียมยาไปให้พร้อม หากมีโรคเรื้อรังหลายโรค อาจจะขอใบรับรองแพทย์เรื่องโรคที่เป็น ยาที่รับประทานประจำ ข้อมูลยาและอาหารที่แพ้ติดตัวไว้ เผื่อต้องใช้ฉุกเฉินหรือเป็นข้อมูลให้แพทย์หากมีภาวะฉุกเฉิน
-ยาทั่วไป เป็นกลุ่มยาที่อาจจะต้องใช้ และในบางประเทศการซื้อยาจำเป็นต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น เช่น
ยาแก้ปวดลดไข้ Tylenol,
ยาแก้หวัด ลดน้ำมูก แก้แพ้ เช่น telfast, zyrtec
ยาสำหรับทางเดินอาหาร โรคกระเพาะ ปวดท้อง ท้องเสีย
ยาแก้เมารถ เมาเครื่องบิน
ยาทาภายนอก เวลาถูกแมลงกัด หรือมีอาการผื่นแพ้
ยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้อโรค สำหรับทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร
-อุปกรณ์ปฐมพยาบาล โดยเฉพาะการเดินทางแบบผจญภัย เข้าป่า ดำน้ำ หรือที่กันดารเป็นต้น
ชุดทำแผล เดี๋ยวนี้มีขายแบบเป็น set ใช้ครั้งเดียวทิ่ง มีสำลี แอลกอฮอล์ ยาใส่แผล Betadine ผ้าพันแผล
ยาล้างตา ยาหยอดตา
สำหรับคนที่มีประวัติอาการแพ้รุนแรง แบบ anaphylaxis เช่นผู้ที่แพ้ผึ้ง ควรพกยาฉีดสำหรับอาการแพ้รุนแรงติดตัวด้วย

3. Protect
สิ่งที่ต้องระวังป้องกันคือเรื่องอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ การถูกทำร้ายร่างกาย รวมทั้งเรื่องความสะอาดของน้ำดื่มและอาหาร

การเตรียมตัวต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ แต่เผื่อไว้ก่อนก็น่าจะดีนะครับ
เมื่อสามปีก่อนผมได้เดินทางไปอินเดียประมาณ 10 วัน เดินทางไปทั้งหมด 40 คน
ปรากฏว่าพอถึงวันที่เจ็ด มีอาการท้องเสียกัน 20 คน ยาที่เตรียมไปเลยได้มีโอกาสใช้ทั้งหมดพอดี
แถมมีอีกท่านนึงเกิดแผลถูกบาดที่นิ้วมือเลือดออกมาก เลยได้ใช้ set ทำแผลพอดี

ก่อนเดินทางไปเที่ยวลองวางแผนกันดูนะครับ

จาำก www.facebook/drcarebear

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เบาหวานที่จอประสาทตา

การนอนกรน

การดูแลสุขภาพช่องปากในหญิงตั้งครรภ์



การมีสุขภาพที่ดีในระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคนต้องการ
คุณแม่อาจมีความกังวลถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกาย และเฝ้าดูแลสุขภาพครรภ์และลูกในครรภ์อย่างดี อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมนึกถึงสุขภาพช่องปากของคุณแม่ด้วย เพราะก็มีผลต่อสุขภาพของลูกในครรภ์
1.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ระหว่างตั้งครรภ์มีผลต่อการเกิดเหงือกอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ การมีหินปูนจำนวนมากทำให้เป็นโรคปริทันต์รุนแรง เหงือกบวม อักเสบ มีเลือดออกได้

2.มีรายงานว่าแบคทีเรียที่ทำให้เกิดภาวะเหงือกอักเสบ สามารถเข้าสู่กระแสเลือด มีผลกระตุ้นให้มีฮอร์โมน Prostaglandin E2 เพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะมีเมื่อจะเกิดการคลอด จึงพบว่าในมารดาที่มีภาวะเหงือกอักเสบรุนแรงมักจะคลอดลูกน้ำหนักตัวน้อยและ คลอดก่อนกำหนด
3.อาการคลื่นไส้อาเจียนจากการแพ้ท้องบ่อยๆ ทำให้มีกรดจากกระเพาะอาหารย้อนกลับมาในช่องปาก ถ้าไม่ล้างกรดออกจากช่องปากโดยเร็ว อาจทำให้สึกกร่อนได้
4.การทานอาหารเปรี้ยวบ่อยๆ ก็มีผลทำให้ฟันสึกกร่อนได้เช่นกัน
5.คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะทานได้ครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้ง การทานบ่อยๆ และทานอาหารหวาน อาหารเหนียวติดฟันจะทำให้เกิดฟันผุได้
6. โรคฟันผุเกิดจากเชื้อแบคทีเรียในช่องปากเปลี่ยนน้ำตาลเป็นกรด กัดผิวฟัน การมีฟันผุที่ยังไม่ได้รักษาแสดงถึงการมีเชื้อแบคทีเรียในช่องปากเป็นจำนวน มาก เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ไม่ส่งผ่านสู่ลูกทางพันธุกรรม แต่ส่งผลได้ทางน้ำลาย เช่น การกอดจูบลูก การเป่าอาหารให้ลูก การกัดแบ่งอาหารให้ลูก และการใช้ช้อนร่วมกันกับลูก
7.สำหรับลูก ฟันน้ำนมจะมีการสร้างตัวตั้งแต่อายุครรภ์มารดาได้ 4-6 สัปดาห์ การสร้างฟันต้องการสารอาหารหลายชนิดเช่นเดียวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่ธาตุจำพวกแคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งจะมีผลให้เคลือบฟันและเนื้อฟันมีความแข็งแรง
คำแนะนำสำหรับคุณแม่
1. แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง พยายามให้สะอาดทั่วทั้งในซอกฟันและบริเวณขอบเหงือก และควรบ้วนปากหรือแปรงฟันทุกครั้งหลังทางอาหารว่าง
2.หากมีอาการแพ้ ท้อง อาเจียน ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ เพื่อลดปริมาณกรดจากกระเพาะอาหารที่ย้อนขึ้นมาในช่องปาก..แต่ห้ามแปรงฟัน เป็นเวลา 30 นาที เพราะกรดที่ออกมา จะสัมผัสผิวฟันให้อ่อนยุ่ย หากแปรงฟันทันทีจะเป็นการถูเอาผิวฟันที่อ่อนยุ่ยอยู่ให้สึกออกไปได้
3. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพของแม่และลูกในครรภ์ แคลเซียมเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างฟันลูก ซึ่งเริ่มสร้างตั้งตาลูกอายุ 4-6 สัปดาห์ในครรภ์ ลูกได้แคลเซียมจากกระแสเลือดแม่ แม่จึงควรทานแคลเซียมให้เพียงพอ
4.ควรหลีกเลี่ยงอาหารหวาน หรืออาหารเหนียวติดฟันเพื่อป้องกันฟันผุ
5. ควรตรวจฟันทุก 6 เดือนตามปกติ หญิงตั้งครรภ์สามารถทำฟันได้โดยปลอดภัย อย่างไรก็ตามควรเลี่ยงการทำฟันในไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 3 และควรแจ้งทันแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่าตั้งครรภ์ ควรเลี่ยงการถ่ายภาพรังสี แต่หากมีความจำเป็นก็สามารถทำได้โดยต้องสวมเสื้อป้องกันรังสีก่อนทุกครั้ง โดยทั่วไปในหญิงตั้งครรภ์ ทันตแพทย์มักจะรักษาเท่าที่จำเป็น หากมีอาการปวด บวม อักเสบที่เหงือกหรือฟัน ควรจะรับการรักษาทันที เพราะสุขภาพช่องปากของมารดา มีผลต่อสุขภาพของลูกได้
แบคทีเรียใน ช่องปากแม่ สามารถส่งต่อสู่ลูกได้ การมีสุขภาพช่องปากที่ดี ไม่มีฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ จะช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียในการส่งต่อสู่ลูก


โรคกระเพาะอักเสบ

อาการปวดท้อง จุกเสียด ปวดทะลุหลัง  ท้องอืด จุกเสียด เรอ ปวดแสบท้อง ถ่ายดำ เป็นสัญญาณบอกเหตุ ให้ทราบว่ากระเพาะของคุณอาจกำลังประสบปัญหา กระเพาะอาหารของมนุษย์เรามีการสร้างและหลั่งกรดเพื่อย่อยอาหารต่าง  ๆ ตามธรรมชาติ ดังนั้นกระเพาะอาหารจึงมีโครงสร้างพื้นผิวพิเศษที่สามารถทนต่อกรดได้ค่อน ข้างสูง เพื่อสามารถทนต่อการย่อยของสารต่าง ๆ ที่เรารับประทานเข้าไปได้   และเมื่ออาหารผ่านจากหลอดอาหารมาสู่กระเพาะอาหาร  กรดจะถูกหลั่งออกมาจากผิวของกระเพาะอาหารและกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารจะทำการ คลุกเคล้ากรดเหล่านั้นเพื่อย่อยอาหาร ต่อไป สารอาหารแรกที่จะถูกย่อยได้แก่ คาร์โบไฮเดรต  ตามด้วยโปรตีน และไขมันตามลำดับ จากนั้นจึงส่งผ่านไปยังลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ก่อนขับถ่ายเป็นอุจจาระทางทวาร
    
เชื้อโรค  Helicobacter Pylori คืออะไร
Helicobacter Pylori   เป็น   แบคทีเรีย ที่อาศัยอยู่ในเยื่อบุผิวกระเพาะ ซึ่งทำไห้ กระเพาะอักเสบเรื้อรังและเป็นแผล เมื่อมีการดำเนินโรคเป็นเวลานานทำให้เป็นมะเร็งกระเพาะได้เป็น แบคทีเรีย ที่อาศัยอยู่ในเยื่อบุผิวกระเพาะ อาหาร ซึ่งทำไห้ กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังและเป็นแผลเกิดขึ้น  เมื่อมีการดำเนินโรคเป็นเวลานานทำให้เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้
       
ทราบได้อย่างไรว่าติดเชื้อโรค  Helicobacter Pylori
ปัจจุบันมีการตรวจหลายวิธีที่ทำให้ทราบว่ามีการติดเชื้อ   Helicobacter Pylori   ได้แก่ การตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา ผ่านทางการตรวจด้วยวิธีส่องกล้องกระเพาะอาหาร    การตรวจจากอุจจาระ    การใช้  carbon 14 เก็บผ่านทางลมหายใจ   และตรวจจาก เลือด


โรคหลอดเลือดสมอง ภัยเงียบซ่อนเร้น ที่รู้ก่อนป้องกันได้

คุณมีภาวะเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่ !!!
•    โรคเบาหวาน
•    ภาวะความดันโลหิตสูง
•    ภาวะไขมันในเลือดสูง
•    โรคหัวใจ อาทิ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจ
•    สูบบุหรี่

ภาวะเสี่ยงเหล่านี้มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ มาก่อน อาการแขนขาอ่อนแรงหรือชาของร่างกายครึ่งซีก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด วิงเวียนศีรษะ เดินเซ ปวดศรีษะอย่างรุนแรง นั้นเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองที่พบได้บ่อย อย่ารอจนอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ! มาตรวจหาภาวะเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองก่อนจะสาย เพื่อป้องกันตั้งแต่วันนี้จะดีกว่าไหม …

โปรแกรมคัดกรองภาวัเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองด้วยเครื่องมือพิเศษ การถ่ายภาพสมองและหลอดเลือดในสมองโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRA Brain)
เพื่อตรวจหาความผิดปรกติของหลอดเลือดสมอง เช่น หลอดเลือดสมองอุดตีบหรือ อุดตัน หลอดเลือดสมองโป่งพอง ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ด้วย เทคนิคทันสมัย มีความปลอดภัยสูง และไม่เสี่ยงกับการได้รับรังสี

การตรวจหลอดเลือดแดงที่คอด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Carotid Doppler Duplex Ultarsound) เพื่อตรวจดูการไหลเวียนของเลือดที่ขึ้นไปเลี้ยงสมอง การหนาตัสของผนังหลอดเลือดแดง หากมี การหนาตัวมากผิดปกติ หลอดเลือดจะตีบแคบหรือ อุดตัน เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตามมาได้ ซึ่งไม่มีผลข้างเคียง ปลอดภัย ไม่เจ็บปวด มีค่าใช้จ่ายไม่แพง ใช้เวลาในการตรวจ ประมาณ 20 นาที และผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใดๆก่อนตรวจ

การตรวจหาหลอดเลือดสมองส่วนปลาย (ABI-Ankle Brachial Index)
เพื่อตรวจวัดสภาพความยืดหยุ่น หรือสภาพ แข็งตัว ของหลอดเลือดแดงส่วนปลายได้อย่างทีประสิทธิภาพ และใช้เวลาไม่นาน มนการตรวจ หากพบว่า หลอดเลือดแดงส่วนปลาย มีความผิดปกติผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาต่อไป

Stroke Screening Program กรุณานัดหมายได้ที่ แผนก อายุรกรรม รพ สมิติเวชสุขุมวิท
โทร 02-711-8491 เวลา 7.00น-20.00 น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านประสาทวิทยา

โปรแกรมตรวจหาภาวะเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Screening Program)

หมายเหตุ : กรุณางดน้ำ และอาหารหลังจากเที่ยงคืนก่อนเข้ารับการตรวจ Stroke Screening Program (สามารถจิบน้ำได้ งด ชา กาแฟ)


การตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ โปรแกรมตรวจสุขภาพหลอดเลือด สำหรับคัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง 

หมายเหตุ: ไม่รวมค่าแพทย์ ค่าโรงพยาบาลฯผู้ป่วยนอก และค่าสารทึบแสง กรณีตรวจเฉพาะเครื่องมือตรวจพิเศษอย่างเดียว


โปรแกรมตรวจหลอดเลือดที่คอ ด้วยอัลตราซาวน์ เพื่อดูภาวะการตีบแคบของหลอดเลือด (Carotid Doppler Duplex Ultrasound)  




โปรแกรมตรวจหลอดเลือดส่วนปลาย (ABI - Ankle Brachial Index)






หมายเหตุ :  ในกรณีคนไข้ตรวจเฉพาะโปรแกรมตรวจสุขภาพหลอดเลือดด้วยเครื่องมือพิเศษอย่าง เดียว รายการตรวจพิเศษดังกล่าวยังไม่รวมค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาลฯผู้ป่วยนอก
* เพื่อความสมบูรณ์ของการคัดกรองภาวะเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ควรตรวจร่วมกับ Stroke Screening Program
* การตรวจเครื่องมือพิเศษขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
* กรุณานัดหมายล่วงหน้า และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แผนกอายุรกรรม Counter 4



โปรแกรมคัดกรองภาวะเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองด้วยเครื่องมือพิเศษ

• การถ่ายภาพสมองและหลอดเลือดในสมองโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า  (MRA Brain)
เพื่อตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง เช่น หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน หลอดเลือดสมองโป่งพอง ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ด้วยเทคนิคทันสมัย มีความปลอดภัยสูง และไม่เสี่ยงกับการได้รับรังสี

• การตรวจหลอดเลือดแดงที่คอด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Carotid Doppler Duplex Ultrasound)
เพื่อตรวจดูการไหลเวียนของเลือดที่ขึ้นไปเลี้ยงสมอง การหนาตัวของผนังหลอดเลือดแดง หากมีการหนาตัวมากผิดปกติ หลอดเลือดจะตีบแคบหรืออาจอุดตัน เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตามมาได้ ซึ่งไม่มีผลข้างเคียง ปลอดภัย ไม่เจ็บปวด มีค่าใช้จ่ายไม่แพง ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 20 นาที และผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใดๆ ก่อนตรวจ

• การตรวจหาหลอดเลือดสมองส่วนปลาย (ABI – Ankle Brachial Index)
เพื่อตรวจวัดสภาพยืดหยุ่นหรือสภาพแข็งตัวของหลอดเลือดแดงส่วนปลายได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และใช้เวลาไม่นานในการตรวจ หากพบว่าหลอดเลือดแดงส่วนปลายมีความผิดปกติผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาต่อไป

หมายเหตุ:
* เพื่อความสมบูรณ์ของการคัดกรองภาวะเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ควรตรวจร่วมกับ Stroke Screening Program
กรุณานัดหมายล่วงหน้า และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แผนกอายุรกรรม Counter 4 โทร.02.-711-8491 เวลา 7.00 – 20.00 น.


โรคปวดศีรษะไมเกรน




อาการปวดศีรษะไมเกรนพบบ่อยในเด็กวัยเรียน วัยหนุ่มสาว หญิงระยะก่อนมีประจำเดือน แต่พบน้อยในผู้สูงอายุ
ลักษณะ ของการปวดศีรษะไมเกรน ปวดครึ่งซีก ปวดตุ้บๆ ปวดรุนแรง มีคลื่นใส้อาเจียนร่วมด้วย ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดศีรษะมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังหรือเห็นแสงจ้า

สาเหตุของโรคปวดศีรษะไมเกรน
          • สาเหตุจากพันธุกรรม
          • สาเหตุจากภายนอก
          • จากการอดนอน ทำงานหนักเกินไป ความเครียด การดื่มเหล้า กาแฟ ยาคุมกำเนิด อาหารบางชนิด เช่นกล้วยหอม  ช๊อคโกแลต เนยแข็ง เบียร์ และไวน์เป็นต้น

การรักษา
1. การรักษาในขณะปวดศีรษะ
          1.1 ให้ยาแก้ปวดธรรมดา เช่น ยาพาราเซตตามอล
          1.2 ยา แอสไพรินหรือยากลุ่ม NSAIDS ถ้ารับประทานยาพาราเชตตามอลแล้วไม่หาย
          1.3 ยาพวกเออร์กอต หรือยา กลุ่ม TRIPTAN ในกรณีที่ปวดรุนแรง
2. การป้องกันไมเกรน
          2.1 หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
          2.2 การใช้ยาป้องกัน

การบรรเทาอาการปวดไมเกรนด้วยตนเอง
1. ใช้ก้อนน้ำแข็งหรือกระเป๋าน้ำแข็งประคบที่ศีรษะ
2. นอนพักผ่อนให้เพียงพอในห้องที่เงียบสงบ
3. การนวด


ข้อควรระวัง
    ควรรับประทานยากลุ่มเออร์กอตหรือ TRIPTAN ตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น เนื่องจากยาประเภทนี้มีผลแทรกซ้อน หากรับประทานไม่ถูกวิธี และอาจมีปฏิกิริยากับยาตัวอื่น


พญ. สุทธิรา โพธิศรี และพญ. อรุณี ประจัญอธรรม
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและระบบประสาท
โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

array CGH นวัตกรรมใหม่ล่าสุดเพื่อทารกในครรภ์ที่สมบูรณ์




ArrayCGH  (Array-based comparative gemonic hybridization)
นวัตกรรมทางการแพทย์ล่าสุด เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมที่สามารถวิเคราะห์โครโมโซมได้คลอบคลุมครบทั้ง 23 คู่ และยังสามารถตรวจหาการขาดหายหรือเกินมาของชิ้นส่วนโครโมโซมขนาดเล็กได้ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยโรคหรือความผิดปกติต่างๆสามารถเลือกตรวจสอบด้วย array CGH ได้ 2 ระยะ

ระยะก่อนการตั้งครรภ์

เพื่อตรวจสอบจำนวนแท่งของโครโมโซมที่คลอบคลุมทั้ง 23 คู่ ของตัวอ่อน ทำให้สามารถเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีที่สุดและมีจำนวนโครโมโซมปกติก่อนย้ายกลับสู่โพรงมดลูก
ข้อดี
- เพิ่มอัตราความสำเร็จการทำเด็กหลอดแก้ว
- ลดอัตราการแท้ง
- ลดอัตราการทำลายตัวอ่อนที่อยู่ในท้องที่ทำให้เกิดความรู้สึกผิดของผู้ให้กำเนิด
เหมาะสำหรับใคร
- คู่สมรสที่กำลังรับการรักษาด้วยวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 38 ปี
- ผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยวิธีเด็กหลอดแก้วมากกว่า 2 ครั้ง
- มีการแท้งโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีการแท้งมากกว่า 3 ครั้ง

ระยะก่อนคลอด

โดยการเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจหาการขาดหายไปของชิ้นส่วนโครโมโซมที่มีขนาดเล็กมาก เพื่อหาความผิดปกติของพันธุกรรม

ข้อดี
- ตรวจหาความผิดปกติของโรคพันธุกรรมได้มากกว่า 100 โรค
- ลดโอกาสหรือความน่าจะเป็นที่ลูกน้อยเกิดมาผิดปกติ เช่น กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม
เหมาะสำหรับใคร
- คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และมีอายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์
- มีประวัติครอบครัว หรือเคยมีลูกที่มีความผิดปกติจากโรคพันธุกรรม
- คู่สมรสที่เสี่ยงต่อการมีบุตรเป็นโรคเลือดจากธาลัสซีเมีย
- ผู้ที่ต้องการความมั่นใจว่าทารกในครรภ์ปกติสมบูรณ์

"การป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ควรให้ความสำคัญ ผมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการเลือกเทคโนโลยีในการตรวจต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ของแต่ละท่านครับ"

น.พ.บุญแสง  วุฒิพันธุ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาวะผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช

ปรึกษาเพิ่มเติมที่ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากสมิติเวช โทร.0-2711-8555
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
info@samitivej.co.th

http://www.facebook.com/SamitivejClub

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Mommys Little Moments Workshop เพื่อช่วงเวลาเล็กๆ... จะลึกซึ้งยิ่งกว่า


http://www.samitivejhospitals.com/Srinakarin/th
มีกิจกรรมดีๆแบบไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่มีลูกวัยแรกเกิด - 1ขวบ มาฝากค่ะกับ กิจกรรม
“ Mommy's Little Moments Workshop เพื่อช่วงเวลาเล็กๆ... จะลึกซึ้งยิ่งกว่ารัก
         3ชั่วโมงแห่งการเรียนรู้เป็นคุณแม่อย่างสมบูรณ์แบบ อาทิ กลยุทธสร้างสุขขณะตั้งครรภ์ เทคนิคกระตุ้นพัฒนาการสร้างพลังสมองลูกน้อยขณะตั้งครรภ์ การเตรียมพร้อมคลอดอย่างมีคุณภาพโดย พญ.สิริพัฒน์  ปรีชาสนองกิจ สูตินรีแพทย์
เคล็ด ลับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบความสำเร็จเทคนิคสร้างน้ำนมแม่คุณภาพเพื่อ ลูก คำแนะนำในการกู้น้ำนม โดยคุณชญาภา ภู่แก้ว  พยาบาลประจำแผนกหอทารกแรกเกิด และผู้ป่วยเด็กภาวะวิกฤติสำหรับคุณแม่มีลูกวัยแรกเกิด- 1 ขวบ
เรียนรู้พัฒนาการสมวัยของลูก กลเม็ดกระตุ้นพัฒนาการลูกสู่ความฉลาด สอบถามสารพันปัญหาพัฒนาการลูก โดย พญ.หัทยทิพย์  ชัยประภา กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด และคุณแม่ดารารับเชิญคุณโน้ต-ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล
Workshop: Bonding by Touching นวดสัมผัสกระชับความผูกพันจากแม่สู่ลูกน้อยเพื่อสร้าง IQ EQ โดย คุณนนทกานต์ ทัพพะรังสี

พิเศษ!ลุ้นรับรางวัลพิเศษในงาน
วันเสาร์ที่18 สิงหาคม 2555
เวลา 09.00 - 12.00 น. ณ AuditoriumRoom ชั้น 7
โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งโทร.023789000
[ไม่มีค่าใช้จ่าย]

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
http://ow.ly/cWU5n

Experts @ Night by Samitivej



Experts @ Night by Samitivej

ให้คุณได้มากกว่ากับแพทย์เฉพาะทางหลากหลายสาขา
+ สูติ-นรีแพทย์
+ กุมารแพทย์
+ แพทย์ระบบทางเดินอาหาร
+ แพทย์ หู คอ จมูก
+ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ
+ ศัลยแพทย์เฉพาะทาง
+ อายุรแพทย์เฉพาะทาง

ในช่วงเวลาที่คุณเลือกเอง 6 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม ทุกวัน

แล้วเวลาจะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณอีกต่อไป...
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตั้งแต่ 18:00-22:00 น. ทุกวัน

Call Center      : 02-711-8181

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โรคที่พบบ่อย ในช่วงวัยก่อนอนุบาล (1-3 ปี)






โรคที่พบบ่อย ในช่วงวัยก่อนอนุบาล (1-3 ปี)
โดย น.พ. ธีรพงษ์  บุญยะลีพรรณ  กุมารแพทย์ทั่วไป
โรงพยาบาล สมิติเวช แพทย์ เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลเด็ก
โรคที่คุณพ่อ คุณแม่พึงระวังในช่วงวัยนี้ ก็คือ โรคกล่องเสียงและหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน ลักษณะคล้ายหวัดแต่รุนแรงกว่า ปัญหาของโรคนี้คือ เด็กจะหายใจไม่ออก โรคท้องเสีย  และอีกกลุ่


โรงพยาบาลเด็ก สมิติเวช ศรีนครินทร์ Tel: 02-378-9000