สาเหตุของการเจ็บที่บริเวณใต้ ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า เกิดจากการอักเสบของพังผืดที่ใต้ฝ่าเท้าที่เ รียกว่า Plantar fasciitis มีการประมาณว่าในแต่ละปีจะมีคนที่ต้องรักษาภาวะนี้ในสหรัฐประมาณ 2 ล้านคน สาเหตุเกิดจากพังผืดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ที่ทำหน้าที่คอยพยุงโค้งใต้ฝ่าเท้าเกิดการอักเสบหรือมีการระคายเคืองขึ้น
มารู้จักลักษณะของพังผืดที่ฝ่าเท้าก่อน
จากภาพจะเห็นว่า เส้นเอ็นจากแต่ละนิ้วจะมารวมกันตรงกลางฝ่าเท้า กลายเป็นแผ่นหนาๆ อยู่ใต้ฝ่าเท้า และไปสิ้นสุดที่กระดูกส้นเท้า ทำหน้าที่คอยพยุงโค้งของฝ่าเท้าเอาไว้
จากภาพจะเห็นว่า เส้นเอ็นจากแต่ละนิ้วจะมารวมกันตรงกลางฝ่าเท้า กลายเป็นแผ่นหนาๆ อยู่ใต้ฝ่าเท้า และไปสิ้นสุดที่กระดูกส้นเท้า ทำหน้าที่คอยพยุงโค้งของฝ่าเท้าเอาไว้
สาเหตุของอาการเจ็บ
พังผืดที่ใต้ฝ่าเท้ามีหน้าที่คอยรองรับแรงกระแทกเวลาที่เราก้าวเดิน แต่บางครั้งแรงกดดันที่มากเกินไปอาจจะทำให้มีการทำลาย หรือมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อร่างกายจะตอบสนองต่อการบาดเจ็บนี้โดยเกิดการอักเสบขึ้น ทำให้มีอาการเจ็บและตึงที่ใต้ฝ่าเท้า
พังผืดที่ใต้ฝ่าเท้ามีหน้าที่คอยรองรับแรงกระแทกเวลาที่เราก้าวเดิน แต่บางครั้งแรงกดดันที่มากเกินไปอาจจะทำให้มีการทำลาย หรือมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อร่างกายจะตอบสนองต่อการบาดเจ็บนี้โดยเกิดการอักเสบขึ้น ทำให้มีอาการเจ็บและตึงที่ใต้ฝ่าเท้า
ปัจจัยเสี่ยง
ผู้ที่มีอาการส่วนใหญ่ จะไม่ทราบว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงต่ออาการนี้ ได้แก่
ผู้ที่มีอาการส่วนใหญ่ จะไม่ทราบว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงต่ออาการนี้ ได้แก่
• กล้ามเนื้อน่องที่มีอาการตึงเกินไปเนื่องจากขาดการยืดหยุ่นที่ดี
• ความอ้วน
• โค้งฝ่าเท้าที่ใหญ่ผิดปกติ
• การเดินมาก หรือวิ่งมากเกินไป
• มีกิจกรรมประจำวันที่เพิ่มมากขึ้นหรือเป็นกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
• ความอ้วน
• โค้งฝ่าเท้าที่ใหญ่ผิดปกติ
• การเดินมาก หรือวิ่งมากเกินไป
• มีกิจกรรมประจำวันที่เพิ่มมากขึ้นหรือเป็นกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
กระดูกงอกที่ส้นเท้า Heel Spurs
ถึงแม้ว่าหลายๆ คนที่มีการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าจะมี กระดูกงอกที่ส้นเท้า แต่ตัวกระดูกนี้ก็ไม่ได้ทำให้มีอาการเจ็บ ประมาณ 1 ใน 10 ของคนทั่วไปจะมีกระดูกงอก แต่มีเพียง 5% ของคนที่มีกระดูกงอกนี้ แล้วมีอาการเจ็บฝ่าเท้า ดังนั้น ถึงแม้จะตรวจพบว่ามีกระดูกงอกนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออก
ถึงแม้ว่าหลายๆ คนที่มีการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าจะมี กระดูกงอกที่ส้นเท้า แต่ตัวกระดูกนี้ก็ไม่ได้ทำให้มีอาการเจ็บ ประมาณ 1 ใน 10 ของคนทั่วไปจะมีกระดูกงอก แต่มีเพียง 5% ของคนที่มีกระดูกงอกนี้ แล้วมีอาการเจ็บฝ่าเท้า ดังนั้น ถึงแม้จะตรวจพบว่ามีกระดูกงอกนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออก
อาการที่พบได้ในคนที่มีพังผืดอักเสบ ได้แก
• มีอาการเจ็บที่บริเวณใกล้ส้นเท้า
• มีอาการเจ็บมาก เมื่อเดินสองสามก้าวแรกหลังตื่นนอน หรือหลังจากนั่งรถนาน ๆ อาการเจ็บจะดีขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มเดิน
• อาการปวดเป็นมากขึ้นภายหลังการออกกำลังกาย (แต่เวลาออกกำลังอาจยังไม่เจ็บ)
• มีอาการเจ็บที่บริเวณใกล้ส้นเท้า
• มีอาการเจ็บมาก เมื่อเดินสองสามก้าวแรกหลังตื่นนอน หรือหลังจากนั่งรถนาน ๆ อาการเจ็บจะดีขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มเดิน
• อาการปวดเป็นมากขึ้นภายหลังการออกกำลังกาย (แต่เวลาออกกำลังอาจยังไม่เจ็บ)
การตรวจร่างกาย
เมื่อได้เล่าประวัติและอาการให้แพทย์ฟัง แพทย์จะทำการตรวจเพื่อดูลักษณะต่อไปนี้:
• ดูลักษณะของโค้งใต้ฝ่าเท้า
• ตำแหน่งที่มีอาการกดเจ็บมากที่สุด
• อาการปวดเป็นมากขึ้นเมื่อคุณกระดกเท้า และแพทย์กดบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า เมื่อเหยียดชี้เท้าลงอาการปวดจะดีขึ้น
เมื่อได้เล่าประวัติและอาการให้แพทย์ฟัง แพทย์จะทำการตรวจเพื่อดูลักษณะต่อไปนี้:
• ดูลักษณะของโค้งใต้ฝ่าเท้า
• ตำแหน่งที่มีอาการกดเจ็บมากที่สุด
• อาการปวดเป็นมากขึ้นเมื่อคุณกระดกเท้า และแพทย์กดบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า เมื่อเหยียดชี้เท้าลงอาการปวดจะดีขึ้น
การตรวจอื่นๆ
แพทย์อาจส่งตรวจ X-rays เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีอาการเจ็บฝ่าเท้า
แพทย์อาจส่งตรวจ X-rays เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีอาการเจ็บฝ่าเท้า
การรักษาและการดูแล
มากกว่า 90% ของคนป่วย จะมีอาการดีขึ้นภายใน10 เดือน โดยการรักษาง่ายๆ คือ การพักการใช้งาน โดยลดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บขึ้น เช่น การวิ่งหรือการเต้นแอโรบิก การใช้นํ้าแข็งประคบหรือแช่นํ้าเย็นประมาณ 20 นาที โดยอาจใช้วิธีนี้ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน การให้ยาลดการอักเสบของพังผืด เช่น ยา ibuprofen หรือยา naproxen ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บและลดการอักเสบของพังผืด แต่ถ้าใช้ยาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ การบริหารยืดกล้ามเนื้อ เนื่องจากอาจมีอาการตึงของกล้ามเนื้อน่อง จึงควรบริหารด้วยการยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยลดอาการได้มาก
มากกว่า 90% ของคนป่วย จะมีอาการดีขึ้นภายใน10 เดือน โดยการรักษาง่ายๆ คือ การพักการใช้งาน โดยลดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บขึ้น เช่น การวิ่งหรือการเต้นแอโรบิก การใช้นํ้าแข็งประคบหรือแช่นํ้าเย็นประมาณ 20 นาที โดยอาจใช้วิธีนี้ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน การให้ยาลดการอักเสบของพังผืด เช่น ยา ibuprofen หรือยา naproxen ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บและลดการอักเสบของพังผืด แต่ถ้าใช้ยาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ การบริหารยืดกล้ามเนื้อ เนื่องจากอาจมีอาการตึงของกล้ามเนื้อน่อง จึงควรบริหารด้วยการยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยลดอาการได้มาก
• การยืดกล้ามเนื้อน่อง Calf stretch ยืนหันหน้าเข้าหากำแพง วางเท้าข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้าและงอเข่าเล็กน้อย ขาอีกข้างอยู่ด้านหลังและเหยียดตรง พยายามดันสะโพกไปด้านหน้าเข้าหากำแพง จะรู้สึกยืดตรงที่น่องของขาหลัง ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที และให้ทำท่านี้ 20 รอบ
• การยืดพังผืดฝ่าเท้า Plantar fascia stretch ให้นั่งไขว่ห้าง เอาเท้าข้างที่เจ็บขึ้นมา แล้วกำนิ้วเท้าข้างที่เจ็บ และดึงเข้าหาตัว ให้รู้สึกฝ่าเท้ายืดออก ประมาณ 10 วินาที และให้ทำ 20 รอบ ท่านี้จะดีถ้าทำในตอนเช้าก่อนที่จะยืนหรือเดิน หรืออาจนั่งเหยียดขาใช้ผ้าพันรอบปลายเท้า แล้วดึงเข้าหาตัว
• การฉีดยาเข้าบริเวณที่อักเสบ ในบางครั้งจะใช้ยาฉีดเข้าไปเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและลดการอักเสบโดยการฉีดยากลุ่ม steroid ควรจะต้องทำโดยแพทย์กระดูก และไม่ควรฉีดหลายๆ ครั้งเพราะอาจทำให้มีการขาดของผังพืดได้ ซึ่งจะทำให้กลายเป็น เท้าแบน flat food และทำให้มีอาการเจ็บเรื้อรังได้
• การใส่อุปกรณ์ช่วย support รองเท้าที่ส้นหนาขึ้นและมีแผ่นลดแรงกระแทกจะช่วยลดอาการเจ็บเวลายืนหรือเดินได้ เนื่องจากการยืดหรือเดินบนพื้นรองเท้าที่แข็งๆ จะทำให้เกิดการฉีกขาดแบบเล็กๆ ที่พังผืดได้ การใส่ ซิลิโคน นุ่มๆ รองไว้ในรองเท้าก็ใช้ได้แถมราคายังไม่ค่อยแพง แต่บางคนก็อาจจะต้องสั่งตัดอุปกรณ์เสริมรองเท้าเพื่อการรักษา
• การใส่อุปกรณ์ยึดข้อเท้าในเวลากลางคืน หลายคนในขณะหลับจะมีลักษณะปลายเท้าที่ชี้ลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการที่เป็นมากขึ้นตอนเช้า ในบางรายอาจจะต้องใส่อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันลักษณะดังกล่าว แต่ก็อาจจะรำคาญเวลานอนได้เช่นกัน
• การทำกายภาพบำบัด ในบางรายแพทย์จะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อน่องและยืดพังผืดใต้ฝ่าเท้า นอกจากนี้ยังอาจจะใช้การนวด อุปกรณ์อื่นและให้ยาเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ
• การผ่าตัด แพทย์จะแนะนำให้เลือกการผ่าตัดหากการรักษาข้างต้นไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นใน 12 เดือน ลองปรึกษาแพทย์ผ่าตัดเรื่องวิธีการต่างๆ ของการผ่าตัด
• การยืดพังผืดฝ่าเท้า Plantar fascia stretch ให้นั่งไขว่ห้าง เอาเท้าข้างที่เจ็บขึ้นมา แล้วกำนิ้วเท้าข้างที่เจ็บ และดึงเข้าหาตัว ให้รู้สึกฝ่าเท้ายืดออก ประมาณ 10 วินาที และให้ทำ 20 รอบ ท่านี้จะดีถ้าทำในตอนเช้าก่อนที่จะยืนหรือเดิน หรืออาจนั่งเหยียดขาใช้ผ้าพันรอบปลายเท้า แล้วดึงเข้าหาตัว
• การฉีดยาเข้าบริเวณที่อักเสบ ในบางครั้งจะใช้ยาฉีดเข้าไปเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและลดการอักเสบโดยการฉีดยากลุ่ม steroid ควรจะต้องทำโดยแพทย์กระดูก และไม่ควรฉีดหลายๆ ครั้งเพราะอาจทำให้มีการขาดของผังพืดได้ ซึ่งจะทำให้กลายเป็น เท้าแบน flat food และทำให้มีอาการเจ็บเรื้อรังได้
• การใส่อุปกรณ์ช่วย support รองเท้าที่ส้นหนาขึ้นและมีแผ่นลดแรงกระแทกจะช่วยลดอาการเจ็บเวลายืนหรือเดินได้ เนื่องจากการยืดหรือเดินบนพื้นรองเท้าที่แข็งๆ จะทำให้เกิดการฉีกขาดแบบเล็กๆ ที่พังผืดได้ การใส่ ซิลิโคน นุ่มๆ รองไว้ในรองเท้าก็ใช้ได้แถมราคายังไม่ค่อยแพง แต่บางคนก็อาจจะต้องสั่งตัดอุปกรณ์เสริมรองเท้าเพื่อการรักษา
• การใส่อุปกรณ์ยึดข้อเท้าในเวลากลางคืน หลายคนในขณะหลับจะมีลักษณะปลายเท้าที่ชี้ลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการที่เป็นมากขึ้นตอนเช้า ในบางรายอาจจะต้องใส่อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันลักษณะดังกล่าว แต่ก็อาจจะรำคาญเวลานอนได้เช่นกัน
• การทำกายภาพบำบัด ในบางรายแพทย์จะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อน่องและยืดพังผืดใต้ฝ่าเท้า นอกจากนี้ยังอาจจะใช้การนวด อุปกรณ์อื่นและให้ยาเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ
• การผ่าตัด แพทย์จะแนะนำให้เลือกการผ่าตัดหากการรักษาข้างต้นไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นใน 12 เดือน ลองปรึกษาแพทย์ผ่าตัดเรื่องวิธีการต่างๆ ของการผ่าตัด
ยังไงก็ลองมาปรึกษากันก่อนได้นะครับ อาจไม่ได้เป็นมากอย่างที่คุณคิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น