วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เมตาบอลิคซินโดรม ภัยเงียบที่แฝงมากับความอ้วน

 รู้กันหรือไม่ว่า ยิ่งรอบเอวเรายิ่งขยาย ร่างกายของเราจะยิ่งแย่  ในโลกสมัยใหม่ทุกวันนี้ 1 ใน 4 ของประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมทั้งในประเทศไทย กำลังเผชิญกับภาวะเมตาบอลิคซินโดรม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมะเร็งบางชนิด โดยพบว่าเมตาบอลิคซินโดรมมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับคนที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน หรือคนที่มีปัญหาอ้วนลงพุง ซึ่งกว่าจะรู้ตัวว่ามีโรคแทรกซ้อนเหล่านี้เกิดขึ้น ก็มักกลายเป็นโรคเรื้อรังที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตแล้ว

Metabolic Syndrome เรื่องเดียว เกี่ยวพันไปหลายโรค
     เคยได้ยินคำว่าเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า? เมตาบอลิคซินโดรมก็เข้าข่ายนั้นเช่นกัน เพราะเมตาบอลิคซินโดรม (Metabolic Syndrome) คืออาการผิดปกติที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายไม่สมบูรณ์ โดยปกติอาหารที่เรารับประทานเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือด รออินซูลินพาเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน คนที่มีปัญหาลงพุงจะมีเซลล์ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้กรดไขมันหลั่งเข้ามาสู่กระเลือดมากขึ้น มีผลทำให้การเผาผลาญน้ำตาลกูลโคสลดลง ร่างกายจึงไม่สามารถดึงน้ำตาลในเลือดมาใช้ เกิดการคั่งในกระแสเลือด จนทำลายระบบหลอดเลือด และระบบปลายประสาท ขณะที่ฮอร์โมน adiponectin ในกระแสเลือดกลับลดลง ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น

เมตาบอลิค ซินโดรม เรื่องเดียวจึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดแทบทุกส่วนอวัยวะ เช่น มีผลต่อหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย มีผลต่อไต ทำให้ไตขับเกลือน้อยลง ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง ไตวาย มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงเป็นผลให้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน เลือดมีภาวะแข็งตัวง่ายทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดสมองหรือหัวใจ มีผลต่อตับทำให้ไขมันคั่งในตับ ขณะที่ภาวะดื้อต่ออินซูลินมีผลต่อการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งโรคเหล่านี้อาจต้องกินยาประคับประคองและพบแพทย์ตลอดชีวิต 
     นอกจากนี้ยังพบว่าผู้หญิงอ้วน ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovarian Syndrome: PCOS)  ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ การมีบุตรยาก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และยังอาจก่อปัญหาอื่นๆที่เป็นผลกระทบตามมา เช่น โรคปวดหลัง โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น

รอบรู้โรคร้ายได้ แค่รู้รอบเอว
     ไม่ต้องอายที่จะหยิบสายวัดวัดรอบเอวคุณ วิธีที่ถูกต้องคือ วัดผ่านสะดือ ขณะหายใจออกเต็มที่ (อย่าเข้าข้างตัวเอง โดยรัดสายแน่นเกินไป) แล้วลองดูซิว่าค่าที่ได้เข้าข่ายความเสี่ยงหรือไม่ เกณฑ์การวินิจฉัยโดยสหพันธ์เบาหวานโลก (International Diabetes Federation) สำหรับคนไทย ผู้ชายใช้เกณฑ์เส้นรอบเอวไม่เกิน 90 ซม. และผู้หญิงไม่เกิน 80 ซม. หากเกินจากนี้ และมีภาวะ 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้ร่วมด้วย ให้ถือว่าเป็นเมตาบอลิคซินโดรม
- ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด มากกว่า 150 มก./ดล. 
- ระดับ เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล (ไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย) น้อยกว่า 40 มก./ดล.ในผู้ชาย หรือ น้อยกว่า 50 มก./ดล.ในผู้หญิง
- ความดันโลหิต มากกว่า 130/85 มม.ปรอท หรือรับประทานยาลดความดันโลหิตอยู่ 
- ระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร มากกว่า 100 มก./ดล.  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น