อันตรายจากการปวดไหล่เรื้อรัง
ข้อหัวไหล่เป็นข้อที่มีการเคลื่อนไหวได้มาก เราจึงมักใช้หัวไหล่ในกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ บ่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว จึงไม่น่าแปลกที่เราจะมีอาการปวดไหล่กันมาก แต่ถ้าอาการปวดเป็นไม่นานก็ไม่น่าห่วงสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นบ่อย ๆ หรือเป็นมานานเกิดอาการ ปวดไหล่เรื้อรัง อันนี้ไม่ดีแน่
สาเหตุของอาการปวดไหล่คือ
?
อาการปวดไหล่เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากที่สุดปัญหาหนึ่งและเกิดได้จากหลายสาเหตุ
ซึ่งอาการบ่งชี้ก็จะมีอาการปวดบริเวณต้นแขน ปวดด้านหลังหัวไหล่
ปวดบริเวณต้นคอและสะบัก
โดยสาเหตุของอาการปวดไหล่อาจเกิดจากปัญหาของโครงสร้างในข้อไหล่เอง กระดูก
กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น เยื่อหุ้มข้อ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ
หรือถุงหุ้มเส้นเอ็น โดยพิจารณาจากกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน อายุ อาชีพ
สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยบอกว่าผู้ป่วยจะจัดอยู่ในกลุ่มสาเหตุใด ซึ่งปัญหาต่าง ๆ
เหล่านี้ถ้าเป็นแล้วสะสม หรือเป็นมานานแล้วไม่รักษาก็จะทำให้เกิดอาการปวดไหล่เรื้อรังได้
นอกจากนั้นอาการปวดไหล่ยังพบได้จากสาเหตุของความผิดปกติจากอวัยวะข้างเคียง
คืออาการเจ็บป่วยต่างๆ สามารถส่งผลทำให้เกิดอาการข้อไหล่ติดจนส่งผลให้ปวดไหล่ได้
เช่น ภาวะหัวใจขาดเลือด วัณโรคปอด เบาหวาน ไทรอยด์ กระดูกต้นคอเสื่อม เป็นต้น
คนในช่วงวัยใดที่จะพบอาการปวดไหล่มากที่สุด
จริงๆแล้วอาการนี้พบได้ทุกวัย
ถ้าเป็นคนอายุน้อยก็น่าจะมาจากการเล่นกีฬาการออกกำลังที่หักโหมจนอาจเกิดกล้ามเนื้อฉีก
หรือกิจกรรมที่ทำแล้วต้องใช้หัวไหล่ซ้ำๆ หรืออุบัติเหตุ ถ้าเป็นคนวัยทำงานหรือผู้สูงอายุอาจเกิดจากการสึกเสื่อมของกระดูกข้อไหล่
ภาวะหัวไหล่ติดหรือ ภาวะการอักเสบของเส้นเอ็นหัวไหล่(RotatorCuff)
ในส่วนของคนวัยทำงานในตอนนี้มีแนวโน้มว่าจะมีอาการปวดไหล่มากขึ้นและอาจจะทวีความรุนแรงจนถึงขั้นปวดไหล่เรื้อรังได้
เพราะด้วยลักษณะการใช้ร่างกายที่ผิด การอยู่ในท่าทางเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นเวลานาน
รวมไปถึงปัจจุบันคนในช่วงวัยนี้เริ่มให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย
และบางท่านอาจออกหักโหมมากเกินไปหรืออาจออกกำลังผิดท่า
ไม่ยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อน-หลังออกกำลังกาย
จึงทำให้โอกาสที่จะบาดเจ็บที่หัวไหล่มีสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีอาการปวดไหล่ทั้งสิ้น
แต่ด้วยไม่อยากมาหาหมอบางคนจึงทนเก็บอาการไว้
แต่ยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งทำให้มีโอกาสทำให้เกิดอาการปวดไหล่เรื้อรังมากยิ่งขึ้น
ปวดไหล่แบบไหนถึงจะเรียกว่าปวดไหล่เรื้อรัง
โดยมากอาการปวดก็จะปวดบ่อย ๆ หรือปวดตลอดเวลาเป็นระยะเวลานานกว่า
6 สัปดาห์ขึ้นไป
ลักษณะนี้จัดว่าเป็นอาการปวดไหล่เรื้อรังได้
อาการปวดลักษณะไหนที่ควรรีบมาพบแพทย์
มีอาการปวดมานานกว่า 2
สัปดาห์
ซึ่งอาการปวดนี้รวมไปถึงการเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้ไม่เต็มที่ด้วย มีอาการชาของแขน
มีอาการบวมของข้อไหล่หรือบริเวณหัวไหล่ มีลักษณะกล้ามเนื้อลีบ
บางรายอาจมีอาการอื่น เช่น ไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ร่วมด้วย
ซึ่งถ้ามีอาการเหล่านี้ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ถ้าปล่อยไว้นานไม่ทำการรักษาจะอันตรายแค่ไหน
หากปล่อยไว้นานจนมีอาการปวดไหล่เรื้อรังเมื่อเวลาผ่านไปอาการจะเป็นมากขึ้น
ทำให้การเคลื่อนไหวข้อหัวไหล่ได้ลำบากมากขึ้น
การเคลื่อนไหวที่ลดลงจะเป็นเกือบทุกทิศทาง ยกแขนได้ไม่สุด
หากเป็นกรณีที่มีการบาดเจ็บที่เส้นเอ็นคือเส้นเอ็นข้อไหล่อาจจะมีการฉีกขาด
ซึ่งตอนแรกอาจจะฉีกขาดเล็กน้อยแต่พอปล่อยไว้นานก็อาจจะฉีกขาดเพิ่มมากขึ้น
หรืออาจจะถึงขั้นขาดทั้งเส้นเลยก็ได้
แน่นอนว่าถ้าถึงขั้นนั้นก็จะทำการรักษาได้ยากมากยิ่งขึ้น
การรักษาอาการปวดไหล่เรื้อรังทำได้อย่างไรบ้าง
การรักษาอาการปวดไหล่ประกอบด้วย การรักษาอาการทั่วไป
การรักษาด้วยกายภาพบำบัด และการผ่าตัด
ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถรักษาได้ตั้งแต่ปวดไหล่ทั่วไปจนถึงระดับปวดไหล่เรื้อรัง
ซึ่งจะใช้วิธีไหนรักษาก็ต้องดูเป็นกรณีไปว่าเป็นมากเป็นน้อยแค่ไหน
ความหนักเบาของอาการ หากมีอาการปวดไหล่ทั่วไปหรือเป็นแบบเฉียบพลัน
เบื้องต้นหมอก็จะให้งดการเคลื่อนไหวของไหล่ข้างที่มีอาการ
และอาจจะให้รับประทานยาแก้ปวด ถ้ามีอาการปวดมากขึ้นมาอีกหน่อยหมอก็อาจจะให้มีการทำกายภาพบำบัด
เลือกใช้ความเย็นหรือความร้อนประคบร่วมด้วย
แต่ถ้ามีอาการหนักมากรักษาด้วยกายภาพบำบัดแล้วไม่ดีขึ้นอย่างน้อย 3-6
เดือน เรียกว่ามีอาการปวดไหล่เรื้อรัง
แพทย์ก็จะพิจารณาให้ทำการผ่าตัด
การรักษาอาการปวดไหล่เรื้อรังด้วยวิธีผ่าตัด
วิธีการผ่าตัดมี 2 วิธี คือ
วิธีการผ่าตัดส่องกล้อง และวิธีการผ่าตัดแบบเปิด
ซึ่งการเลือกวิธีและเทคนิคการผ่าตัดก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ชนิดของรอยโรค
ส่วนการผ่าตัดแบบส่องกล้องข้อดี คือ บาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อข้างเคียงน้อย
เพราะใช้แผลผ่าตัดแบบรูเจาะและใช้เครื่องมือผ่านรูเจาะเข้าทำการผ่าตัดซ่อมสร้าง
ส่งผลให้การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอื่นๆน้อย
การฟื้นตัวมักจะเร็วกว่า
วิธีการดูแลตัวเองไม่ให้บาดเจ็บที่ข้อไหล่
เมื่อเริ่มมีอาการปวดหรือเมื่อยล้าที่บริเวณหัวไหล่
ก็ควรพักการใช้ข้อไหล่ อาจจะใช้การนวดร่วมกับการประคบเย็นหรือประคบร้อนก็ได้
แต่ในกรณีบาดเจ็บของข้อไหล่ควรหลีกเลี่ยงการนวดและใช้การประคบเย็นเป็นหลัก
แนะนำให้ยืดกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่อย่างถูกต้องก่อนและหลังการออกกำลังกายไหล่หรือใช้งานไหล่
เราจะเห็นได้ว่าอาการปวดไหล่สามารถแก้ไขได้
โดยเริ่มต้นที่การสังเกตอาการ ท่าทางของตนเองว่ามีความผิดปกติอย่างไร
น่าจะมีสาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร
และปรับเปลี่ยนท่าทางและอิริยาบถหรืองดการใช้งานบ้างก็จะช่วยได้
หากทำแบบนี้ก็ลดความเสี่ยงที่จะมีอาการปวดไหล่เรื้อรังลงได้อย่างมากทีเดียว
แต่หากปฏิบัติแล้วยังมีอาการปวดไหล่อยู่
ก็ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป
ปริญญาบัตร/วุฒิบัตร
หนังสืออนุมัติผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ปี
พ.ศ.2547
สาขาออร์โธปิดิกส์ สาขาออร์โธปิดิกส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น