วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มารู้จักโรคนิวโมคอคคัสกันเถอะ











โรคนิวโมคอคคัส คืออะไร
             โรคนิวโมคอคคัส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อ Streptococcus pneumoniae  เป็นเชื้อเก่าแก่ค้นพบตั้งแต่ปี ค.ศ. 1881 สมัยก่อนทำให้เกิดโรคปวดบวมซึ่งมีอัตราตายค่อนข้างสูง  ต่อมาประมาณปี ค.ศ. 1940 มีการค้นพบยาเพนนิซิลินซึ่งใช้รักษาโรคนิวโมคอคคัสได้ผลเป็นอย่างดีมาก   แต่ในระยะหลังเชื้อนิวโมคอคคัส พัฒนาการดื้อยาเพนนิซิลินรวมทั้งยาปฏิชีวนะตัวอื่นอีกหลายตัว ทำให้มีปัญหาอย่างมากในการรักษาโรคนี้
เชื้อนิวโมคอคคัสมาจากไหน
             เชื้อแบคทีเรียนี้พบได้ทุกหนทุกแห่ง และมักพบอาศัยอยู่ในโพรงจมูกและลำคอของคนทั่วไป โดยไม่มีอาการอะไร (เป็นพาหะ)  เชื้อกระจายไปสู่บุคคลอื่นโดยการไอ  จาม  ทำให้มีละอองเสมหะแพร่กระจายออกไป เชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยการสัมผัสเสมหะทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยพบว่ามือเราเป็นตัวกลางที่สำคัญที่นำเชื้อไป   ซึ่งการแพร่กระจายนี้เช่นเดียวกับโรคหวัด และ  ไข้หวัดใหญ่   การล้างมือจึงเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเหล่านี้
ใครบ้างที่ติดเชื้อนี้ได้ง่าย
            บุคคลกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อนิวโมคอคคัสได้แก่  เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี  เด็กที่เลี้ยงในสถานเลี้ยงเด็กกลางวัน   คนสูงอายุมากกว่า 65 ปี   คนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง  คนที่มีโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น  โรคหัวใจ โรคปอด โรคไต โรคระบบเลือด โรคเบาหวาน  และคนที่ไม่มีม้ามหรือม้ามทำหน้าที่บกพร่อง
เชื้อนิวโมคอคคัสทำให้เกิดโรคอะไรบ้าง
             โรคที่ร้ายแรงและอันตรายมากที่สุด คือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี    ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี   ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเฉียบพลัน   กระวนกระวาย   อาเจียน   คอแข็ง   ชัก หรือ หมดสติอย่างรวดเร็ว
             โรคติดเชื้อในกระแสเลือด  โดยเฉพาะในเด็กที่มาด้วยอาการไข้สูง   ตรวจหาสาเหตุไม่พบติดเชื้อที่ใด   การเพาะเชื้อในเลือดจะช่วยในการวินิจฉัยโรคนี้ได้ โรคปอดบวม  ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง  ไอ  หายใจเร็ว   หอบ  มักเกิดหลังการเป็นหวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่ โรคหูชั้นกลางอักเสบ  โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก  ที่มีหูชั้นกลางอักเสบได้บ่อย ๆ จะมีอาการไข้สูง  เจ็บหู   ร้องกวน  งอแง  มักเกิดภายหลังการเป็นหวัด  นอกจากนี้ยังพบเชื้อนิวโมคอคคัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อยในโรคไซนัสอักเสบด้วย

เราทราบได้อย่างไรว่าติดเชื้อนิวโมคอคคัส
             คุณพ่อคุณแม่ที่สงสัยว่าลูกน้อยของท่านจะเป็นโรคนิวโมคอคคัส  ถ้าเด็กมีอาการไข้สูงและมีอาการตามที่กล่าวข้างต้นหรือยังไม่มีอาการอะไรร่วมด้วยก็ตาม  ควรพาเด็กไปพบแพทย์  แพทย์มักจะต้องซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด   การวินิจฉัยโรคแน่นอนต้องตรวจเลือด เพาะเชื้อจากสิ่งที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ  เช่น  น้ำไขสันหลัง  เลือด  เสมหะ  และน้ำในหูชั้นกลาง เป็นต้น

การรักษาโรคนิวโมคอคคัสยุ่งยากหรือไม่
        การรักษาที่สำคัญ คือ การให้ยาปฏิชีวนะที่สามารถฆ่าเชื้อนิวโมคอคคัสได้อย่างรวดเร็วดังที่กล่าวข้างต้น   ในสมัยก่อนยากลุ่มเพนนิซิลินได้ผลดี  ฆ่าเชื้อได้ภายใน 24 ชั่วโมง  แต่ในปัจจุบันเชื้อดื้อยาเพนนิซิลินมากขึ้น  ทำให้แพทย์ต้องใช้ยากลุ่มใหม่ ซึ่งต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา  ความยุ่งยากของการรักษาโรคนี้ยังขึ้นอยู่กับว่า ติดเชื้อบริเวณใด  เช่น ติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง  อาจทำให้มีการทำลายเนื้อสมองร่วมด้วย  ผู้ป่วยอาจมีความพิการเหลืออยู่ในรายที่รอดชีวิต

เราสามารถป้องกันไม่ให้เป็นโรคนิวโมคอคคัสได้อย่างไร
             การป้องกันไม่ให้สัมผัสเชื้อโรคนี้ ต้องมีสุขอนามัยที่ดี การหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในที่แออัด  ไม่สัมผัสผู้ป่วยที่เป็นหวัด   ไข้หวัดใหญ่   สอนให้เด็กล้างมือบ่อย ๆ     ปิดจมูกและปิดปากเวลาไอจาม
             ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคนี้   ซึ่งได้ผลดีในการป้องกันโรคนิวโมคอคคัสชนิดแพร่กระจายตามกระแสเลือด  วัคซีนมี 2 ชนิด  ชนิดแรกเป็นวัคซีนชนิดโพลีแซคคาไรด์  เริ่มใช้ในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1977 ประกอบด้วย 14 สายพันธุ์  ต่อมาปี ค.ศ. 1983 พัฒนาเป็น 23 สายพันธุ์  และยังใช้ในปัจจุบันนี้  วัคซีนชนิดนี้ใช้ในเด็กอายุมากกว่า 2 ปี   ชนิดที่สองเป็นชนิดคอนจูเกต ประกอบด้วยเชื้อ 7 สายพันธุ์ เริ่มใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000  สามารถใช้ได้ผลดีในเด็กตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ ถึง 5 ปี   ในประเทศไทยเริ่มมีการนำเข้ามาเมื่อต้นปี 2006 นี้  แนะนำใช้ในเด็กอายุ 2, 4, 6 และ 12-15 เดือน   เนื่องจากวัคซีนเพิ่งนำเข้าจากต่างประเทศและยังมีราคาสูง    ผู้ปกครองควรปรึกษาแพทย์ตามสถานพยาบาลชั้นนำทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น