วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Lifestyle medicine ดูแลสุขภาพแนวใหม่สไตล์เซเลบริตี้


Life Center โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เปิดบ้านใหม่กับการเปิดมุมมองใหม่ ในการดูแลสุขภาพแบบ Lifestyle Medicine ที่เน้นการป้องกันและปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างสมดุลย์แห่งสุขภาพให้เหมาะสำหรับแต่ละบุคคล (Customized) ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ต่อมไร้ท่อ และการฝังเข็ม โดยบริการการรักษาที่ครอบคลุมทั้งสุขภาพ และความงาม โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากคนดัง 3 ท่าน 3 ไลฟ์สไตล์ที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เช่น คุณตัน ภาสกรนที กับความสำเร็จในการบริหารงาน (Success) คุณจ๋า ยศสินี และคุณเปิ้ล ณัฐบูร กับความสำเร็จในชีวิตคู่ (Love) และคุณเกรซ มหาดำรงค์กุล กับความสำเร็จในความมีชื่อเสียง (Glory) ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่าน ผ่านทีมแพทย์ของไลฟ์เซ็นเตอร์โดย นพ.วรต มโนสิทธิศักดิ์, พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล, นพ.ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท พร้อมด้วย 2 แพทย์จีน พ.จ.ธนินท์ธร อนันต์สรรักษ์ และพ.จ.ธีรวัฒน์ ตั้งอร่ามวงศ์ งานนี้ได้ปรุงค็อกเทลสูตรพิเศษเพื่อสุขภาพให้กับแขกรับเชิญ ผู้บริหารโรงพยาบาลฯ และสื่อมวลชน งานนี้เลยสุขภาพดีแบบเฉพาะบุคคลกันเลยทีเดียว



Life Center  อาคาร 1 ชั้น 2
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท 
Call Center 02-711-8181





วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Experts Play Therapy การเล่นที่เป็นมากกว่าการเรียนรู้





การ เล่นเป็นเสมือนโลกส่วนตัวของเด็กๆ เพราะเขาสามารถแสดงออกทางความคิด ความรู้สึก ความคับข้องใจได้อย่างอิสระ  นักจิตวิทยาเด็กถือว่าการเล่นเป็นภาษาที่เด็กแสดงออกมาให้เรารับรู้ตัวตนที่ แท้จริงของเขา จึงนำการเล่นมาเป็นสื่อกลางในการส่งเสริมและพัฒนาเด็กอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเรียกว่า การเล่นบำบัด “Play Therapy”  ซึ่งเป็นการบำบัดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศต่างๆ โดยมีทฤษฎีทางจิตวิทยา และงานวิจัยรับรองจำนวนมากถึงประสิทธิผลในการช่วยกระตุ้นพัฒนาการสำหรับเด็ก ปกติ และช่วยบำบัดเด็กพิเศษที่มีปัญหาพัฒนาการด้านต่างๆ  เช่น ปัญหาพัฒนาการล่าช้า ปัญหาด้านพฤติกรรม ปัญหาด้านอารมณ์ เป็นต้น เทคนิคการเล่นบำบัดมีหลายรูปแบบ เช่น การเล่านิทาน การเล่นทราย การวาดรูป การเต้น ซึ่งจะถูกเลือกตามความต้องการของเด็ก และประโยชน์ที่เด็กจะได้รับสูงสุด นักเล่นบำบัดจะใช้ทักษะการเล่นช่วยให้เด็กค่อยๆ เรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่า และความสามารถของตัวเอง มีทักษะการตัดสินใจ และแก้ปัญหาที่ดีขึ้น เพื่อให้เป็นรากฐานที่ดีในการใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุขต่อไป

แพทย์หญิงปุณณดา สุไลมาน
กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชกรรม - จิตเวชเด็กและวัยรุ่น
สถาบันกุมารเวช
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท




ศูนย์กิจกรรมบำบัดครบวงจรสำหรับเด็ก





อัจฉริยภาพ และศักยภาพสูงสุดของลูกน้อย .. เริ่มต้นจากการกระตุ้นพัฒนาการอย่างถูกวิธี

เพราะ พัฒนาการที่เหมาะสมกับทุกช่วงวัยถือเป็นฐานที่ดีสำหรับการเรัยนรู้ในอนาคต ของลูก การกระตุ้นพัฒนาการ อย่างถูกวิธีทั้ง  4  ด้าน คือพัฒนาการทางด้านร่างกาย  ด้านสติปัญญา  ด้านอารมณ์  และด้านสังคม  จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรได้รับคำแนะนำจากกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อพัฒนาการที่เต็มศักยภาพสูงสุดของลูกคุณ

Samitivej Smart Kid Club คือ ศูนย์กิจกรรมบำบัดครบวงจร (Occupational Therapy) ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ภายใต้การดูแลของทีมกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านจิตวิทยา พัฒนาการ และพฤติกรรม นักกิจกรรมบำบัด นักบำบัดด้านการพูด และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการทุกสาขา พร้อมสำหรับการสร้างศักยภาพการเรียนรู้ทั้งทางร่างกาย และจิตใจที่ดีที่สุดให้กับเด็ก และการกระตุ้นพัฒนาการสำหรับเด็กพิเศษ โดยประยุกต์กิจวัตร หรือกิจกรรมมาใช้ในการประเมิน ส่งเสริมและฟื้นฟูพัฒนาการแบบองค์รวมในรูปแบบเฉพาะที่เหมาะสำหรับเด็กแต่ละ คนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดให้บริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์

สถาบันกุมารเวช
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท


http://www.facebook.com/SamitivejClub
http://www.facebook.com/DrCareBear
http://www.facebook.com/KidsHospital



ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกไปทำไม




ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกไปทำไม ?
-  โรคที่ข้อสะโพกจะมีอาการเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากกว่าโรคความเสื่อมที่ส่วนอื่น ของร่างกาย และผู้ป่วยมักจะทนต่อความทุกข์ทรมานนี้ไม่ได้ เพราะสะโพกเป็นส่วนที่ใช้งานมากและรับน้ำหนักตัวมาก เป็นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวมาก ผลกระทบจากการเกิดโรคตำแหน่งนี้จึงมากกว่าโรคข้อที่ตำแหน่งอื่นๆ และผู้ป่วย บางคนอาจจะมีอาการปวดมากในขณะที่อยู่เฉยๆหรือเมื่อมีการขยับสะโพกเพียงเบาๆ เท่านั้นได้เช่นกัน นอกจากความเจ็บปวดแล้วยังเดินกระเพลกอีกด้วย ซึ่งตรงนี้จะมีปัญหามากในคนวัยหนุ่มสาว ที่ไม่สามารถยอมรับได้


สาเหตุของโรคข้อสะโพก ?
-  ที่พบบ่อยๆในบ้านเรามาจาก 2 สาเหตุหลักคือ หัวกระดูกข้อสะโพกตายจากการขาดเลือดไปเลี้ยงโดยเฉพาะในคนที่ทานพวก steroid หรือทานยาแก้ปวดมากๆ กลุ่มที่สอง  เกิดจากความเสื่อมตามอายุขัยในการใช้งานซึ่งหมายถึงผู้สูงอายุนั่นเอง ส่วนกลุ่มที่พบรองลงมาได้แก่ข้อสะโพกที่มีความผิดปกติมาแต่กำเนิดและกลุ่ม ที่เคยได้รับอุบัติเหตุกระดูกข้อสะโพกหลุดหรือแตกหักนำหน้ามาก่อน ยังมีสาเหตุอื่นอีกมากมายแต่พบเป็นส่วนน้อย


เป็นมะเร็งได้หรือไม่ ?
-  มะเร็งอาจจะพบที่ข้อสะโพกได้ 2 รูปแบบ คือ ชนิดที่แพร่กระจายมาจากที่อื่นและชนิดที่เกิดกับข้อสะโพกเอง ทั้งสองชนิดจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดกับข้อสะโพกมากๆ ปวดตลอดเวลา ปวดทุกอิริยาบท มากกว่ากลุ่มที่เป็นโรคความเสื่อมและอาจจะมีไข้ต่ำ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง อีกกลุ่มหนึ่งคือพวกที่ติดเชื้อที่ข้อสะโพกก็มีอาการเจ็บปวดมากๆได้เช่นกัน และจะมีไข้สูงด้วยแต่ไม่มีเบื่ออาหารและน้ำหนักลดลง


เปลี่ยนข้อสะโพกเทียมเมื่อไหร่ดี ?
-  ให้ดูความเหมาะสมที่ผู้ป่วยและโรคที่เป็นอยู่เป็นรายๆไป เพราะอายุยิ่งมากหน่อยก็ดี อายุน้อยใช้งานมากและนานมาก ข้อสึกก่อนเสียชีวิต อาจต้องเปลี่ยนซ้ำหลายครั้ง อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่เปลี่ยนครั้งเดียวก็ใช้ได้ตลอดชีวิตเลย ระยะเวลาการใช้งานของข้อสะโพกขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ ถ้าใช้เดินเหินตามปกติก็คงได้ 25 ปี แต่ถ้าใช้มากไปคงไม่ถึงแน่ โรคของผู้ป่วยที่เป็นอยู่ก็สำคัญมาก ถ้าเป็นผู้ป่วยอายุน้อยที่มีโรคประจำตัวที่อาจจะทำให้อายุสั้น ก็ควรเปลี่ยนเลยไม่ต้องรอ ไม่ต้องปล่อยให้ทรมาน เพราะการเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมเหมือนกับได้ชีวิตใหม่ ผู้ป่วยจะหายจากความทุกข์ทรมานทั้งหมด และกลับไปดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติในทันที


เปลี่ยนแบบไหนดี ?
-  ข้อสะโพกเทียมมีหลายแบบ ทั้งชนิดเคลือบสารที่ผิวโลหะช่วยให้สามารถยึดติดกับกระดูกได้เอง หรือ ชนิดที่ต้องใช้ cement ช่วยยึด โดยชนิดแรกจะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ใช้ได้ดี ทนทาน ปลอดภัย และการผ่าตัดทำได้ง่าย ส่วนผู้ป่วยจะต้องผ่าตัดวิธีไหน ขึ้นอยู่ที่ความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นสำคัญ ที่สมิติเวช ศรีนครินทร์ เรามีการผ่าตัดด้วยเทคนิคพิเศษ โดยแผลจะมีขนาดเล็กเพียง 4.5 ซม.เท่านั้น ถ้าคนไข้ตัวไม่ใหญ่มากนัก จะฟื้นตัวได้เร็ว เดินได้หลังผ่าตัดในวันถัดมา เนื้อเยื่อบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่ค่อยปวดแผลและไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดมากเหมือนการผ่าตัดทั่วไป ผู้ป่วยจะหายไวมาก และสามารถกลับไปทำงานได้เร็ว




ด้วยความปรารถนาดีจาก

ศ.นพ.ประกิต เทียนบุญ
ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง ข้อและข้อสะโพกเทียม
ศูนย์กระดูกสันหลังและข้อ
รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์
 


การผ่าตัดกระเพาะรักษา... โรคอ้วน




            คน ที่เป็นโรคอ้วน นอกจากรูปร่างที่อุ้ยอ้าย อึดอัดแล้ว มักได้รับโรคอื่นๆคุกคามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต ทำให้อายุสั้นกว่าคนทั่วไปเป็นสองเท่า

            การผ่าตัดลดความอ้วนจึงเป็นทางเลือกในการรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเหล่านี้ได้ หากการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และการกินยาลดความอ้วนไม่ได้ผล หรือลดน้ำหนักได้แล้วกลับเกิดภาวะน้ำหนักเกินขึ้นมาใหม่

            ปัจจุบันการผ่าตัดลดความอ้วนได้พัฒนาวิธีการเป็น Minimally Invasive Surgery โดยการผ่าตัดผ่านกล้อง มี 3 วิธีด้วยกัน

            วิธีที่ 1  การผ่าตัดลดความอ้วนแบบใช้เข็มขัดรัดกระเพาะอาหาร (Gastric Banding) โดยใช้วิธีการเจาะแผลเล็กๆที่หน้าท้อง ใช้อุปกรณ์ลักษณะคล้ายเข็ดขัดสอดเข้าไปรัดกระเพาะอาหารตอนบน ทำให้กระเพาะอาหารมีขนาดเล็กลง รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เป็นวิธีการผ่าตัดที่ได้ผลดี เมื่อน้ำหนักตัวคงที่ สามารถกลับมาแก้ไขนำสายรัดกระเพาะออกได้ในภายหลัง

            วิธีที่ 2 การผ่าตัดลดขนาดของกระเพาะลง (Sleeve Gastrectomy) โดยตัดกระเพาะออกไปประมาณ 85% ทำให้ทานอาหารได้น้อยลงเพราะตัดกระเพาะส่วนที่ผลิต Hormone ที่ทำให้เกิดการหิวออกไป  เป็นการผ่าตัดที่เป็นที่นิยมมากในขณะนี้  เพราะไม่ต้องตัดต่อกับลำไส้เล็กและผู้ป่วยจะไม่เป็นโรคขาดสารอาหารจากการผ่า ตัดนี้ ผู้ป่วยจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 40-60 % ของน้ำหนักเดิมในปีแรกหลังผ่าตัด และเป็นการรักษาโรคข้างเคียง เช่น เบาหวาน ไขมัน ความดันไปในตัวด้วย ไม่มีข้อจำกัด ..เด็กอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปก็สามารถผ่าตัดด้วยวิธีนี้ได้

            วิธีที่ 3 การผ่าตัดลดความอ้วนแบบตัดต่อกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก (Gastric Bypass) ด้วย วิธีการส่องกล้องเข้าไปตัดเย็บกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลง ตัดตอนลำไส้เล็กมาเชื่อมต่อใหม่ให้อาหารไหลผ่านทางลัดไปสู่ลำไส้เล็กตอนปลาย เร็วขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง อาหารถูกดูดซึมได้น้อยลง จึงสามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว เป็นวิธีการควบคุมโรคอ้วนแบบถาวร ไม่สามารถแก้ไขคืนภายหลังได้ หลังการผ่าตัดลดน้ำหนักพบว่าเปอร์เซ็นต์ของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหายใจลำบาก และโรคหัวใจ มีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน

            การผ่าตัดลดความอ้วนด้วยวิธี Minimally Invasive Surgery จะช่วยให้ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง



ด้วยความปรารถนาดีจาก
นพ.ณรงค์ จรัสวิโรจน์
ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะรักษาผู้ป่วยโรคอ้วน  
ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป
รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์


วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โรคเบาหวาน อันตรายมากกว่าที่คุณคิด



ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ปัจจุบันคนวัย 35 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นเบาหวานมากถึง 2.4 ล้านคน และที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ ผู้ที่เข้ารับการรักษากว่าครึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าป่วยเป็นเบาหวาน อาการเหล่านี้ ถ้าคุณมีเกินครึ่ง คุณก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่อาจเป็นโรค “เบาหวาน” และจำเป็นต้องรีบรักษาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!!!
• คุณมีอายุมากกว่า 35 ปี
• มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคเบาหวาน
• ความดันโลหิตสูง
• น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน
• ตาพร่า มองไม่ชัด
• ชาตามปลายมือ ปลายเท้า
• ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะตอนกลางคืน
• ชอบกินของหวานๆ มันๆ
• กระหายน้ำบ่อย
• ออกกำลังกายน้อย
• อ่อนเพลีย และเหนื่อยง่าย

สำหรับการบำบัดโรคเบาหวานไม่ได้หยุดอยู่แค่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่แพทย์ยังเน้นความสำคัญกับการรักษาต้นเหตุและโรคแทรกซ้อนของเบาหวานไปพร้อมๆกัน เพราะโรคเบาหวานมีโรคแทรกซ้อนหลายอย่างที่ทำให้เกิดภาวะพิการ และมีอันตรายถึงชีวิตได้
ระบบประสาท - ปลายประสาทอักเสบ ชา หรือปวดแสบปวดร้อนตามปลายมือ ปลายเท้า
ตา - เป็นต้อกระจกก่อนวัย ประสาทตาหรือจอประสาทตาเสื่อมและอาจทำให้ตาบอดในที่สุด
ไต - เกิดภาวะไตวาย มีอาการบวม ซีด ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานที่พบได้ค่อนข้างบ่อย
กระเพาะอาหาร - มีอาการจุกเสียด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเดิน
กระเพาะปัสสาวะ - กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงาน ทำให้กลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือไม่มีแรงเบ่งปัสสาวะ
หลอดเลือดแดงแข็ง - ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ถ้าหลอดเลือดแดงที่เท้าแข็งและตีบ
เท้า - ปลายประสาทอักเสบและขาดเลือดทำให้เท้าชา เกิดแผลง่ายและหายยากหรือเป็นเนื้อตายเน่า
ภูมิคุ้มกันต่ำ - เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย เช่น วัณโรค ปอด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ กลาก โรคเชื้อรา เป็นฝีหรือพุพองบ่อย นิ้วเท้า หรือช่องคลอดอักเสบ

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ห่างไกลเบาหวานทำได้ไม่ยากเลย แต่ต้องมีวินัย เพราะไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่ากับตัวเราเอง
วินัยการกิน
          เลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม ทอด ปรุงสุกด้วยการตุ๋น นึ่ง ต้ม รับประทานผักสด 3-5 ทัพพี/วัน หรือผักสุก 9 ช้อนโต๊ะ/วัน ผลไม่ 2-4 ส่วน/วัน (ส้ม กล้วย แอปเปิ้ล 1 ผล = 1 ส่วน)

วินัยการใช้ชีวิต
          เลิกสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ลดหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ (ชายไม่เกิน 2 แก้ว/วัน หญิงไม่เกิน 1 แก้ว/วัน)
วินัยการสร้างเสริมสุขภาพ
- ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างกระฉับกระเฉงวันละ 30 นาที 5 วัน/สัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักตัว (หญิงรอบเอวไม่เกิน 80 ซม. ชายรอบเอวไม่เกิน 90 ซม.)
- ควบคุมระดับความดันโลหิต (ค่าปกติ คือ 120/80 หรือ ไม่ควรเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท)

ดูแลจิตใจและอารมณ์ ให้ผ่อนคลาย ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


ไลฟ์ เซ็นเตอร์
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
Call Center 02 711 8181





วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โรคแพ้อากาศ หรือโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้




อากาศแปรปรวนบ่อยๆ แบบนี้ หลายคนมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จามไม่หยุด โดยไม่ทราบสาเหตุ และก็ปล่อยให้อาการเหล่านี้มากวนใจอยู่เรื่อยๆ นายแพทย์สุรสฤษดิ์ ขาวละออ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันคลินิก จากศูนย์โรคภูมิแพ้ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ห่วงใย อยากให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรง จึงแนะนำวิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากอาการเหล่านี้ ผ่านนิตยสาร Lisa เล่มล่าสุดว่า

อาการน้ำมูกใส จามติดๆ กันหลายครั้ง อาจมีอาการคัดจมูก คันจมูก คันตาร่วมด้วย แล้วอาจจะหายไปเอง คล้ายคนเป็นหวัดแต่มักไม่มีไข้ หรืออาจจะรุนแรงมากขึ้นเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง เช่นจากร้อนมาเย็น หรือได้รับมลภาวะอื่นๆ เช่นควันบุหรี่ ฯลฯ  อาการเหล่านี้ คือ โรคแพ้อากาศ หรือโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้  ซึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรม ร่วมกับการได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากสิ่งแวดล้อม ทั้งที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ และมลภาวะต่างๆ ในอากาศ โรคภูมิแพ้เป็นโรคเรื้อรังที่ดูไม่รุนแรง แต่เมื่อเกิดโรค หรือภาวะแทรกซ้อนแล้ว การรักษาจะยุ่งยากยิ่งขึ้น  ดังนั้นผู้ป่วยควรดูแลตัวเองโดยหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ให้ไกล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด พักผ่อนอย่างเพียงพอ ที่สำคัญควรพบอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้เพื่อรับการรักษาอย่างต่อเนี่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคแทรกซ้อนนะครับ



นายแพทย์สุรสฤษดิ์ ขาวละออ
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้
ศูนย์โรคภูมิแพ้
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท



ขอขอบคุณข้อมูลจาก  







วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Samitivej Mombassador Fair 2012 ชวนว่าที่คุณแม่ร่วมสนุกพร้อมลุ้นรางวัลมากมาย






ขอเชิญว่าที่คุณแม่ร่วมสนุกพร้อมลุ้นรางวัลมากมายกับงานแฟร์ Samitivej Mombassador Fair 2012
ลุ้นแพคเกจคลอดระดับ Gold มูลค่า 65,000 บาท และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 80,000 บาท ภายในงาน

พบกิจกรรมแสนสนุกมากมาย

• ปรึกษาและตรวจการทำงานของหัวใจทารกในครรภ์ โดย พญ.กนกนาถ บุญวิสุทธิ์ ฟรี! 20 ท่านแรก (สำหรับผู้ลงทะเบียนหน้างาน)
• แนะวิธีรับมือในฐานะคุณแม่มือใหม่ในสไตล์ working mom โดยคุณเอ๋ สุพิชา สอนดำริห์ บก.นิตยสารคลีโอ
• เสวนา “ป้องกันครรภ์เสี่ยงสำหรับคุณแม่วัย 35+ “ โดย นพ.บุญแสง วุฒิพันธุ์ และคุณแม่เซเลบริตี้ชื่อดัง คุณเกมส์ ดวงพร ปฐวีกานต์
• “เทคนิคการดูแลผิวอย่างถูกวิธีของคุณแม่ตั้งครรภ์” จากผลิตภัณฑ์ Burt’s Bees
• “ความปลอดภัยของลูก เมื่อเริ่มก้าวเท้าออกงานห้อง” จากผลิตภัณฑ์ Mothercare


พบกันวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2555
เวลา 10.00 – 16.00 น.
ณ โถงเปียโน อาคาร 1 ชั้น 1
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท


เรายังมีกิจกรรมดีๆมีตลอดปี..ที่ Facebook/SamitivejClub นะค่ะ.....

ข้อมูลเพิ่มเติม------->Click





วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เชิญร่วม Workshop “แซ่บดี มีสุขภาพ” การทำอาหารอร่อยๆ ด้วยกระทิธัญพืชเพื่อสุขภาพ




แซ่บ! สุขภาพดี .. พฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง มีผลในทางลบได้เสมอ

ขอเชิญร่วม Workshop “แซ่บดี มีสุขภาพ” การทำอาหารอร่อยๆ ด้วยกระทิธัญพืชเพื่อสุขภาพ “ฟอร์แคร์” ซึ่งคุณสามารถเช็คสุขภาพในสไตล์การกินได้ด้วยตัวคุณเอง
พร้อมคำแนะนำดีๆ ในการดูแลสุขภาพจาก พญ.อรพิน ชวาลย์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ในประเด็น “รู้ทัน...ความดันโลหิตสูง”และพบกับบูธผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและของที่ระลึกมากมายภายในงาน 

“ความดันโลหิตสูง”  ภัยเงียบคุกคามชีวิต เนื่องจากไม่มีอาการเตือน การป้องกันความดันโลหิตสูง สามารถป้องกันอัตราการตายจากโรคหัวใจ และอัมพาตได้”
 

ในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2555 
เวลา 09.30 – 12.00น.
ณ ห้องบัญชา ล่ำซำ 
โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท

สำรองร่วมกิจกรรมที่ Call Center  โทร 02-711-8181  (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)


ข้อมูลเพิ่มเติม คลิ๊ก---->