“ปวดหลัง ไม่ไปหาหมอ เพราะกลัวต้องผ่าตัด” เป็นความรู้สึกลึก ๆ ของคนส่วนใหญ่ ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจยิ่งทำให้อาการปวดแย่ลงได้
ร้อยละ 80 ของคนที่ปวดหลัง สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาและกายภาพบำบัด แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด คิดว่าถ้าปวดหลัง สุดท้ายต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เลยไม่ยอมมาหาหมอ ปล่อยทิ้งไว้นานๆ จนโรคเรื้อรัง ลุกลามแล้วค่อยมาพบแพทย์
อาการปวดหลังมีหลายสาเหตุ อยู่ที่การใช้งาน และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคนนั้นๆ สมัยก่อนใครปวดหลังบอกว่าเป็นอาการของคนแก่ เพราะทำงานหนัก ยกของหนัก มานาน พออายุมากขึ้นก็ปวดหลัง
แต่ปัจจุบัน คนวัยทำงาน หนุ่มๆ สาวๆ ก็ปวดหลังกันไม่น้อยเพราะการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง วันๆ นั่งจุ้มปุ๊กอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ ว่างจากคอมพิวเตอร์ก็กดโทรศัพท์ เป็นสังคมก้มหน้า ซึ่งของแถมตามมาคือ อาการปวดคอร่วมด้วย
ปวดหลังไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทุกราย
ในชีวิตคนเราเชื่อว่าทุกคนน่าจะต้องเคยปวดหลัง ซึ่งการรักษาอาการปวดหลัง ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทุกรายเสมอไป แล้วแต่โรคที่เป็นและอาการว่ามากแค่ไหนถ้าเป็นอาการปวดหลัง ที่ไม่มีตัวโรคชัดเจน เช่น ปวดกล้ามเนื้อเฉียบพลัน หรือ ปวดหลังจากการทำงาน สามารถรักษาได้ด้วยการทานยา และกายภาพบำบัด ส่วนใหญ่สามารถหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์
แต่หลังจากนั้นก็อยู่ที่การดูแลตัวเองกันแล้ว ว่าสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การทำงานกันได้แค่ไหน ถ้ายังใช้กันแบบเดิม อาการปวดหลังก็กลับมาอีกได้ เพราะอาการปวดหลังในปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากการใช้งานที่ผิดที่ผิดทางแล้วก็ทำซ้ำๆ เดิมๆ เวลาคนไข้มาหาคุณหมอ คุณหมอจะต้องดูก่อนเลยว่า
- ทำงานอะไร
- ใช้คอมพิวเตอร์วันละกี่ชั่วโมง
- นอนดูทีวีหรือไม่
- สูบบุหรี่หรือไม่
- อ้วนเกินไปหรือเปล่า
ใครทำงานหนักก็ต้องหยุดพักบ้าง ใครนั่งอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นมาขยับแข้งขยับขากันบ้าง ใครที่ชอบนอนตะแคงดูทีวี ก็ขอให้นั่งดูให้ถูกวิธี ใครที่สูบบุหรี่ก็ควรงด ใครอ้วนก็ต้องลดน้ำหนัก การรักษาต้องทำควบคู่กันไปหลายอย่างถึงจะได้ผลดี
สำหรับคนที่ปวดหลังชนิดที่มีภาวะของโรคในกระดูกสันหลังชัดเจน เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม หรือ กระดูกเคลื่อน หากเป็นไม่มาก ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเช่นกัน สามารถใช้การรักษาทางยาและกายภาพบำบัดได้ ในกรณีที่เป็นโรคดังกล่าวถ้าไม่หายด้วยยาและกายภาพบำบัด ร้อยละ 20 อาจต้องผ่าตัดรักษา
การทานยาช่วยบรรเทาอาการปวด ร่วมกับการทำกายภาพบำบัด ช่วยให้ร่างกายสามารถปรับตัวอยู่กับกระดูกที่เสื่อมหรือเคลื่อนไปในตำแหน่งใหม่ได้โดยไม่ปวด
กรณีที่ต้องผ่าตัด
ในกรณีที่อาการเป็นมาก เช่น โรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดมาก ปวดร้าวลงขา ปวดแบบรุนแรงเดินไม่ได้ รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน บวกกับมีผลทางกายภาพ เช่น หลังคด หลังงอ แบบนี้ก็จำเป็นต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือมีการติดเชื้อ เช่น วัณโรค ถ้ามีการติดเชื้อรุนแรง เชื้อทำลายกระดูกมาก แบบนี้ก็ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ข้อคิดจากคุณหมอ
“การผ่าตัด เป็นสิ่งที่ทุกคนกลัว แต่หลายครั้งเพราะความกลัว แล้วปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป สุดท้ายเลยต้องมาลงเอยด้วยการผ่าตัด เพราะฉะนั้น อย่ากลัวการมาหาหมอ เพราะการมาหาหมอตั้งแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่เริ่มมีอาการจะช่วยทุเลาเบาบางได้ ทั้งระยะเวลาในการรักษาและค่าใช้จ่าย หากปวดหลังน้อยๆ แล้วรีบมาก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการปวดหลังนั้น มาจากการใช้ชีวิตแบบผิดๆ เพราะฉะนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเสียใหม่ งดสังคมก้มหน้าลงบ้าง แล้วหันมาคุยกับคนข้างๆ กันซักหน่อยหากดูแลตัวเองได้แบบนี้ ก็จะช่วยลดอาการปวดหลังไปได้มากแล้วล่ะครับ”
ศ.เกียรติคุณ นพ. เจริญ โชติกวณิชย์
ปริญญาบัตร/วุฒิบัตร
Diploma of American Board of Orthopaedic Surgery, 1972.
สาขาออร์โธปิดิกส์ สาขาออร์โธปิดิกส์